
เฟิร์นส์

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
จริง หรือ เท็จ? ป่าที่มอบอาหารและร่มเงาแก่ไดโนเสาร์ ประกอบไปด้วยพืชหลักๆ อย่าง ถั่วต่างๆ ธัญพืช ผลไม้ ดอกไม้และเฟิร์นเล็กน้อย
คืองี้นะ เซมัสใช่ไหม ใช่ นายคือไมเคิลเหรอ ใช่เลย คือฉันอยากได้ดอกไม้ สักหนึ่งช่อไปฝากใครคนหนึ่ง แล้วมันก็ต้องสวยจนทำให้เขา ประทับใจ หรืออะไรประมาณนั้น ประมาณนั้นที่ว่านี่เป็นช่อนี้ได้ไหม อะไรเนี่ย นี่มันก็แค่เฟิร์นเท่านั้นนะ ฉันอยากได้ดอกอะไรที่เป็นช่อ ที่มันจะทำให้คนรับทั้งทึ่ง และตรึงใจเขาได้น่ะ ความจริงแล้วเฟิร์นอะไรนี่น่าทึ่งนะ แต่มันไม่มีดอกด้วยซ้ำไป ก็ใช่น่ะสิ แต่มันทำทุกอย่างได้เหมือนกับ ไม้ดอกทั่วไป แม้ว่าตัวมันจะไม่มีดอกก็ตาม มิหนำซ้ำยังทำอะไรได้มากกว่า และนานกว่าไม้ดอกด้วย น่าทึ่งจริงๆ เทอโรไฟตา หรือที่รู้จักกันดี ในชื่อของเฟิร์น ถือเป็นพืชที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง มีการค้นพบฟอสซิลของต้นตระกูลเฟิร์น ที่เกิดในยุคดีโวเนียน คือเมื่อ 360 ล้านปีมาแล้ว รวมทั้งป่าอันเป็นร่มเงาและแหล่งอาหาร ของพวกไดโนเสาร์ก็ยังเป็นป่าเฟิร์น เพราะผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดพืช ผลไม้ หรือไม้ดอกยังไม่เกิดขึ้นในยุคนั้น จึงทำให้มีเฟิร์นนานาพันธุ์ อยู่มากถึง 9 เท่า หากเทียบกับสายพันธุ์ เฟิร์นที่มีในปัจจุบัน ทุกวันนี้ มีเฟิร์นมากมาย อยู่ราว 12,000 สายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในโซนเขตร้อน เช่น เฟิร์นต้นที่ความสูงของมัน สามารถสูงได้ถึง 20 เมตร ส่วนใหญ่แล้วเฟิร์นเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยน ไปเลยนับจากที่มันถือกำเนิดขึ้นบนโลก 145 ล้านปีก่อน ในยุคครีเทเชียส จริงอยู่ที่พวกไดโนเสาร์นั้น โปรดปรานเฟิร์น แต่มันมีเรื่องที่น่าประหลาดใจ มากกว่านั้น เฟิร์นจัดเป็นพืชมีท่อลำเลียง นั่นหมายถึงว่ามันมีเวสเซลอยู่ เฟิร์นก็ไม่ต่างจากพืชมีท่อลำเลียงอื่น รากของเฟิร์นจะถูกปกคลุม หรือถูกแทรกอยู่ ด้วยเชื้อราชนิดพิเศษ ฟังไจและรากของเฟิร์นจะ เจริญเติบโตขึ้นพร้อมกัน แล้วเชื้อรากับราสายนี่เหมือนกันหรือเปล่า เชื้อราจะโตได้ในสิ่งที่ตายแล้วถูกไหม แล้วเชื้อรากินเฟิร์นด้วยหรือเปล่า หรือเฟิร์นพวกนี้กินเชื้อราด้วยไหม ไม่กินหรอก พวกมันทำงานร่วมกัน พวกมันอยู่ร่วมกันแบบภาวะพึ่งพา ภาวะอะไรนะ สิ่งมีชีวิตที่พึ่งพาอาศัยกัน จะอยู่ร่วมกัน ในบางครั้ง สิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพากัน ก็ไม่อาจอยู่โดยปราศจากกันและกันได้ ทั้งเชื้อราและเฟิร์นต่างก็ได้ประโยชน์ จากการทำงานร่วมกัน ฟังไจและเฟิร์นจะแลกเปลี่ยนสารอาหารกัน ทั้งที่มาจากดินและแสงอาทิตย์ เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย รูปแบบของสิ่งที่พึ่งพาอาศัยกันนี้ จะถูกเรียกว่าไมคอร์ไรซา ในความเป็นจริง พืชที่มีฟังไจไมคอร์ไซรา จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง กับสุขภาพที่ดีของพืช ดิน และการทำเกษตรกรรม พืชมีท่อลำเลียงกว่า 90 เปอร์เซ็น ยังต้องอาศัยภาวะการพึ่งพา กับพืชที่มีฟังไจไมคอร์ไซราอยู่ ก็แล้วถ้าเฟิร์นเป็นพืชไร้ดอก มันแพร่พันธุ์ด้วยวิธีไหนล่ะ - หวังว่าไดโนเสาร์คงไม่ใช่พ่อสื่อหรอกนะ - ไม่ใช่อยู่แล้ว เฟิร์นบางชนิดก็สามารถขยายพันธุ์ได้ ด้วยการแตกใบใหม่ขึ้นมาจากเหง้า หรือเมื่อปลายใบของเฟิร์นนั้นสัมผัสกับดิน แล้วค่อยงอกออกมาได้ใหม่ นี่ทำให้ต้นใหม่ที่ได้เหมือนกับต้นเก่า มันเรียกว่าการโคลน ซึ่งวิธีสืบพันธุ์ของพืชลักษณะนี้ เรียกว่าการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ นอกจากนี้ เฟิร์นยังสามารถ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ด้วย เมื่อข้อมูลทางพันธุกรรมของพืช เกิดการผสมปนเปเข้าด้วยกัน เฟิร์นรุ่นใหม่ที่เกิดก็จะต่างไปจากเดิม แทนที่จะขยายพันธุ์จากเมล็ด เฟิร์นจะแพร่เซลล์ขนาดเล็กมากเหมือนฝุ่น ไปกับสายลม มันคือสปอร์ บริเวณที่เป็นขนปุยสีน้ำตาล ที่อยู่ด้านล่างของใบ จะเรียกว่า ซอไร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสปอร์ของเฟิร์น ถ้าสปอร์นี้ไปตกลงในจุดที่เหมาะสม มันก็จะเจริญเติบโตตามวัฏจักร ชีวิตของเฟิร์นได้ดังนี้ มันเริ่มจากเฟิร์นใบจิ๋ว ที่มีขนาด ไม่ถึง 10 มิลลิเมตร เราเรียกมันว่า ระยะแกมีโทไฟต์ ในระยะแกมีโทไฟต์จะ สร้างเซลล์สืบพันธุ์ขึ้น เซลล์สืบพันธุ์บางตัวก็เคลื่อนที่ได้ พวกมันคือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ แต่เซลล์สืบพันธุ์บางตัวก็อยู่กับที่ พวกมันคือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เมื่อเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้วิ่งเข้าไป ผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย การสืบพันธุ์ของมันก็เกิดขึ้น ตอนนี้ระยะของเฟิร์นที่ระบุกันไว้ก็เริ่ม ปรากฏขึ้นมาแล้ว ระยะสปอร์โรไฟต์นั่นเอง และระยะสปอร์โรไฟต์นี้ก็จะสร้าง สปอร์รุ่นใหม่ขึ้นมา และวัฏจักรของมันก็จะดำเนินต่อไป ยังมีอีกช่วงระยะของวัฏจักรชีวิต ของเฟิร์นอีกหลายขั้น หากจะเทียบกับพืชดอก พืชมีเมล็ด ซึ่งมีการผสมผสานระยะต่างๆของสปอร์ แกมีโทไฟต์ และเซลล์สืบพันธุ์ ที่อยู่ภายในดอก เมล็ดพันธุ์นั้นไม่ต่างจากไข่ที่ผสมแล้ว และพร้อมจะเจริญเป็นต้นใหม่ต่อไป แต่นั่นมันหมายถึงว่า เมล็ดพืชพวกนี้มีวิวัฒนาการมากกว่าด้วยไหม แล้วพวกมันดีกว่าด้วยหรือเปล่า ไม่หรอก พวกมันอยู่ตรงนี้ใช่ไหม แล้วถ้าอยากจะเอาพืชพวกนี้มาสู้กันล่ะก็ ลองคิดดูสิว่าเฟิร์นน่ะมีให้เรา เห็นมานานแค่ไหนแล้ว แถมมันก็ไม่มีดอกมาตลอดด้วย มีแค่ขุยสีน้ำตาลเล็กๆกับใบจิ๋ว พวกนี้แค่นั้นแหละ ภาวะพึ่งพา พืชที่มีฟังไจไมคอร์ไซรา การโคลน ซอไร ระยะแกมีโทไฟต์ และระยะสปอร์โรไฟต์ ลีน่าจะต้องประทับใจ และทึ่งแน่ๆ - นี่นายรู้เรื่องพวกนั้นหมดแล้วจริงดิ - ไม่เลย แต่ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะเอา ดอกไม้ไปให้ลีน่าน่ะ