ระเบียบวิธีวิจัย
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ : ชีววิทยา
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ : ชีววิทยา
เราเรียกวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการค้นคว้าหาคำตอบว่าอะไร?
ลีน่ากับไมเคิลกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ และได้พบว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น ดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าต่างดูเหมือนจะ โตได้ดีกว่า ดอกไม้ที่อยู่ตรงหัวมุม ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ ดอกไม้พวกนี้ชอบชมวิวเหรอ ไม่หรอก ดอกไม้มันมีตาที่ไหนกันล่ะ เรื่องวิวตัดออกไปได้เลย หรือว่าเป็นเพราะต้นไม้ตรงหน้าต่าง มันมีอยู่เยอะไปหมด พวกมันอาจจะชอบมีเพื่อนเยอะๆก็ได้ ไม่เลย ลีน่าไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ไมเคิลกลับเชื่อว่าดอกไม้พวกนี้ อาจจะส่งผลต่อกัน หากว่ามีการนำมันไปวางเอาไว้ใกล้กัน เขาคิดว่านั่นคือเหตุผลว่าทำไม มันถึงเติบโตได้ดีในป่าดงดิบ ลีน่าเชื่อว่ามันเป็นเพราะแสงที่ลอด ผ่านหน้าต่างเข้ามาต่างหาก แต่ไมเคิลยังยึดติดอยู่กับ ความคิดของตัวเอง ดังนั้นทั้งลีน่าและไมเคิลจึงหา คำตอบนี้ด้วยกัน คือทำการสังเกต และแจงคำอธิบาย ที่น่าจะเป็นไปได้ของแต่ละคนเอาไว้ แต่ละคนจะมีสมมุติฐานของตัวเอง ตอนนี้พวกเขาต้องเริ่มทำการสังเกต และทำให้การทดลองนี้ลุล่วงไป เพื่อจะไขข้อข้องใจนี้แล้วล่ะ แสงนั้นส่งผลต่อการเจริญเติบโต และความงอกงามของพืชหรือไม่ และ การวางของกระถาง จะส่งผลกับพืชที่อยู่ในกระถาง ใกล้เคียงหรือไม่ พวกเขาเพาะเมล็ดพืชชนิดเดียวกัน 4 เมล็ด ในกระถางแบบเดียวกัน 4 กระถาง ใส่ดินชนิดเดียวกัน ในปริมาณเท่ากัน ในทุกๆกระถาง โดยให้เงื่อนไขทุกอย่างเหมือนกันมากที่สุด มีกระถาง 2 กระถางถูกวางไว้ตรง หน้าต่างที่มีแสงผ่านลงมาถึง และอีก 2 กระถางถูกวางไว้ในมุมมืด ไมเคิลตรวจดูเพื่อความแน่ใจว่า เมล็ดในกระถางทั้ง 2 อยู่ใกล้กันแล้ว เพื่อทดสอบสมมุติฐานของเขา ทั้งลีน่าและไมเคิลจะมาตรวจดู กระถางทุกใบในตอนเช้า แล้วจึงบันทึกสิ่งที่เห็นลงไป ดอกไม้ในกระถางดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากผ่านไป 1 เดือน การทดลองนี้ได้ผลลัพธ์แล้ว ดอกไม้ในกระถางที่ถูกวางไว้ตรงหน้าต่าง ทั้งสูงและแข็งแรง แต่กระถางที่วางไว้ในมุมที่มืดกว่า รากเพิ่งจะงอกออกมาจากเมล็ด แถมขนาดของมันยังเล็กและ ดูอ่อนแอด้วย ตอนนี้ก็ได้เวลากลับไปดูผลการทดลอง และทำการสรุปผลเพื่อวิเคราะห์แล้วล่ะ ไมเคิลบันทึกผลการทดลองลงไป ว่าพืชที่อยู่กันเป็นกลุ่ม ไม่ได้โตเร็วไปกว่าพืชที่แยกกันอยู่ ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าพืชพวกนี้ จะได้ผลดีจากการถูกวางเข้ากลุ่มกัน เป็นอันว่าสมมุติฐานของเขาต้องล้มเลิกไป ส่วนลีน่าพบว่าสมมุติฐานของเธอนั้น มีผลการทดลองมาสนับสนุน มันดูจะถูกต้องแล้ว พืชที่วางไว้ตรงหน้าต่างนั้นจะได้รับ แสงที่มากพอ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง แต่ลีน่ากลับไม่ค่อยมั่นใจนัก มันอาจเป็นความบังเอิญก็ได้ ที่ทำให้พืชที่อยู่ตรงหน้าต่างเจริญ เติบโตได้ดีกว่า บางทีมันอาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลก็ได้ ก่อนที่เราจะสรุปผล ก็ควรต้องทำการทดลองหลายครั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แล้วลีน่ากับไมเคิลทำอะไรลงไปบ้างล่ะ พวกเขาทำการสังเกต ทั้งยังตั้งคำถามแต่ละข้อ รวมถึงตั้งสมมุติฐานแต่ละอย่างไว้ด้วย พวกเขาทำการทดลองจนเสร็จ แล้วจึงศึกษาผลลัพธ์ พวกเขาทำการวิเคราะห์เพื่อ ตอบคำถามที่มี ทั้งยังพิจารณาว่ามีคำถามอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมาบ้าง ลีน่าและไมเคิลได้นำวิธีการ ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ มีวิธีการทางวิทยาศาสตร์อยู่หลายแบบ และนักวิจัยก็ได้ใช้มันเพื่อ ตอบคำถามที่พวกเขามี ในวิชาฟิสิกส์ เคมี สังคม และชีววิทยา แต่สิ่งที่ไมเคิลคิดล่ะ สมมุติฐาน ของเขาผิดหรือเปล่า นั่นถือเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยไหม ใช่แล้ว ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ ก็ยังคงเป็นผลลัพธ์นั่นแหละ กระบวนการคิดและทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่ดีและรอบคอบนั้น อาจนำไปสู่การปฏิเสธสมมุติฐานก็ได้ นี่คือวิธีการทำงานของนักวิจัยทางชีววิทยา บางอย่างที่พวกเขาทำก็เหมือนกับ ที่ลีน่ากับไมเคิลศึกษาพืชในกระถาง ทั้งนี้ ยังมีการศึกษาเซลล์มะเร็งผ่านการ สังเกตมันผ่านกล้องจุลทรรศน์ด้วย ในขณะที่มีคนจับปลาในทะเลสาป เพื่อจะหาว่าจำนวนของปลา ที่ได้รับผลกระทบจากการ ก่อสร้างสะพานใหม่หรือไม่ สิ่งที่ถูกนำมาใช้เหมือนกันก็คือ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่ว่าเรามาลองทดสอบสมมุติฐาน เรื่องแสงกันอีกครั้งดีกว่า เราอาจจะได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ กว่านี้ก็ได้นะ เอาล่ะ คราวนี้มาใช้เมล็ดนับร้อย กันดูบ้างดีกว่า และถ้าสมมุติฐานที่มีนั้นถูกต้อง เราต้องมาหาคำตอบกันว่าพืช ชอบแสงแบบไหน - โอเค ฉันว่าฉันมีสมมุติฐานเรื่องนี้นะ - อะไรล่ะ ลีน่ากับไมเคิลเข้าใจหลักการ ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ผลลัพธ์จะนำมาซึ่งคำถามใหม่ สมมุติฐานใหม่ และการสำรวจใหม่ การหาความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ