
ห่วงโซ่อาหารและสายใยอาหาร

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
เราเรียกระดับในห่วงโซ่อาหารว่าอะไร?
รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองต่ำต้อย ไปนิดหนึ่งหรือเปล่า ในความเป็นจริงทางธรรมชาติ มนุษย์เราอยู่สูงที่สุดนะ แล้วมันเป็นแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน ต้นหญ้านั้นสร้างอาหารได้ ด้วยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำให้กลายเป็นน้ำตาล โดยมีแสงแดดคอยช่วยเหลือ ซึ่งเราเรียกกระบวนนี้ว่า การสังเคราะห์ด้วยแสง หญ้าเองก็ถูกกินไป เช่น มันถูกตั๊กแตนกิน ตั๊กแตนก็ถูกกิ้งก่ากิน จากนั้นกิ้งก่าก็ถูกงูกิน แล้วกิ้งก่าก็ถูกนกนักล่าอย่างอีแร้ง กินต่ออีกทอดหนึ่ง ลูกศรพวกนี้จะช่วยให้เราบอกได้ว่า สัตว์ตัวใดกินอะไรเป็นอาหาร นี่คือห่วงโซ่อาหาร ในห่วงโซ่อาหารนี้ เราจะเห็นลูกศรตัวเดียวเท่านั้น ที่แสดงแทนให้เห็นว่าสัตว์ตัวใด กินอะไรเป็นอาหาร แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นแบบนั้น มีผู้ล่าอยู่หลายชนิด ที่สามารถกินเหยื่อชนิดเดียวกันได้ และโดยปกติแล้ว ผู้ล่าก็จะกินเหยื่อ ที่ต่างชนิดกันได้ด้วย สัตว์หลายชนิดนั้นอาจอยากกิน ตั๊กแตนที่มีความกรอบ ไม่ได้อยากกินกิ้งก่า อย่างเช่นกบตัวนี้เป็นต้น และงูเองก็อาจกินได้ทั้งกิ้งก่าและกบ การวาดรูปห่วงโซ่อาหารหลายอันขึ้นมาแบบนี้ จะทำให้เรารู้ความเชื่อมโยงของพวกมัน ทั้งนี้ก็ยังมีสายใยของความเชื่อมโยง นั่นก็คือสายใยอาหาร มาหาจุดสนับสนุนกันหน่อยดีกว่า ต้นไม้ หญ้า และพืชสีเขียวอื่นๆ ที่เปลี่ยนเอาพลังงานแสงอาทิตย์ น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ ให้เป็นพลังงานและคาร์โบไฮเดรด สิ่งเหล่านี้คือรากฐานของสายใยอาหาร เพราะว่าพวกมันได้สร้างพลังงานใหม่ขึ้นมา นั่นคือวัตถุดิบใหม่ พวกมันเป็นผู้ผลิตปฐมภูมิ ปฐมภูมิจึงหมายถึงสิ่งที่ เกิดขึ้นเป็นอย่างแรก ในทะเลและทะเลสาป สาหร่ายและแบคทีเรีย ถือเป็นผู้ผลิตปฐมภูมิ สัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น กระต่าย จึงเป็นผู้บริโภคปฐมภูมิ ผู้ล่าที่กิน สัตว์กินพืชเป็นอาหาร จึงเป็นผู้บริโภคทุติยภูมิ นั่นก็เพราะสิ่งที่มาเป็นลำดับที่สอง จะเรียกว่าทุติยภูมิ และในทำนองเดียวกัน ผู้ล่าที่มีขนาดใหญ่กว่าจึงกินนักล่า ที่มีขนาดเล็กกว่า เราจึงเรียกมันว่า ผู้บริโภคตติยภูมิ ตติยภูมินั้นมาจากภาษาละติน ที่แปลว่าลำดับที่สาม ดังนั้นผู้บริโภคปฐมภูมิจึงจะเป็น สัตว์กินพืชเสมอ และผู้บริโภคทุติยภูมิและตติยภูมิ จึงเป็นสัตว์กินเนื้อ ระดับต่างๆในห่วงโซ่อาหารจึง ถูกเรียกว่าระดับการกินอาหาร สิ่งมีชีวิตที่รั้งอันดับสุดท้าย ในห่วงโซ่อาหาร จะไม่ถูกล่าหรือถูกกินโดยสิ่งมีชีวิตใดๆ นี่คือผู้บริโภคลำดับสูงสุด โดยทั่วไปแล้วก็จะเป็นผู้ล่าขนาดใหญ่ เช่น นกนักล่า หมาป่า หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง นั่นคือมนุษย์ ใช่แล้ว ฉันนี่แหละอยู่สูงที่สุด ดังนั้นสายใยอาหารทั้งหมดจึงเชื่อมโยงกัน คิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามนุษย์อย่างเรา ปล่อยเอาสารที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมออกมา แล้วถ้าพิษที่ว่านั้นไปสิ้นสุดที่ทะเลล่ะ มาดูกัน สารที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมบางชนิด ก็ละลายได้ในไขมัน และแตกตัวได้ช้ามากถึงมากที่สุด ถ้ามีพิษพวกนั้นปะปนอยู่ในทะเลหรือทะเลสาป พวกมันก็จะมาจบลงที่ตรงนี้ ในแหล่งน้ำที่มีแพลงก์ตอนพืช อันเป็นผู้ผลิตปฐมภูมิอยู่ เมื่อแพลงก์ตอนสัตว์กินแพลงก์ตอนพืชเข้าไป สารพิษที่ว่าก็จะเข้าไปอยู่ ในแพลงก์ตอนสัตว์ แล้วก็จะรวมตัวกันเป็นหยดไขมันเล็กๆมากมาย ในแพลงก์ตอนสัตว์ ยิ่งในปริมาณความเข้มข้นที่มาก หากสัตว์ในกลุ่มแพลงก์ตอนชนิดใดชนิดหนึ่ง ได้กินแพลงก์ตอนพืชใดๆเข้าไปในปริมาณมาก และเมื่อปลาได้กินแพลงก์ตอนสัตว์นั้นไป พิษในปริมาณที่เข้มข้นกว่า ก็จะส่งผ่านไปยังปลา และในทำนองเดียวกัน ยิ่งพิษสะสมอยู่ห่วงโซ่อาหาร ในลำดับต่างๆที่สูงขึ้น พิษในสิ่งแวดล้อมก็จะถูกกักเก็บไว้ ในร่างกายของสัตว์มากตามไปด้วยเช่นกัน นี่คือการเพิ่มปริมาณสารพิษ หรือ การสะสมทางชีวภาพนั่นเอง ฉันอาจจะอยู่ในจุดที่สูงที่สุด ในห่วงโซ่อาหาร แต่ตอนนี้ฉันว่าตัวเองป่วยซะแล้วล่ะ