
สีต่างๆ

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
สายรุ้งมีกี่สี?
สีสันสดสวยพวกนี้ ลองคิดเล่นๆดูสิว่า โลกนี้จะจืดชืดแค่ไหน ถ้าไร้ซึ่งสีสันน่ะ ชักสงสัยแล้วล่ะว่าสีคืออะไร แล้วพวกมันมาจากไหน? ปกติแล้วแสงสีขาวนี่แหละ ที่เป็นตัวกุมความลับไว้ เพราะมันไม่ได้เป็นสีขาว เหมือนกับที่เราเห็นหรอก แต่กลายเป็นว่าแสงสีขาว คือแสงที่เป็นจุดรวมตัวของสีทุกสี ที่ปรากฎขึ้นบนรุ้งกินน้ำ และเมื่อสีทุกสีปรากฎขึ้นพร้อมกัน เราก็จะเห็นมันในรูปของแสงสีขาว แต่แท้จริงแล้วเจ้าแสงนี้มันก็คือ กลุ่มสีต่างๆที่ปรากฎขึ้นในเวลาเดียวกัน พวกมันจะผสมปนเปกันไป จนบางที ธรรมชาติก็ได้เปิดเผยความลับนี้ออกมา เช่นถ้าพระอาทิตย์อยู่เบื้องหลังเรา แล้วเรามองไปในจุดที่ฝนกำลังตก ที่ตรงนั้นจะมีรุ้งกินน้ำเกิดขึ้นมา แสงสีขาวจากดวงอาทิตย์ ที่กระทบกับหยาดฝนในอากาศ ก็จะกระจายตัวไปเป็นสีต่างๆ และเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ที่จุดสูงสุดของรุ้งกินน้ำคือแสงสีแดง ซึ่งต่อมามันก็จะค่อยๆเปลี่ยนสีไป จนเป็นสีส้มและสีเหลือง ถัดจากสีส้ม ก็จะเป็นสีเขียว สีน้ำเงิน จนกระทั่งถึงสีสุดท้าย ที่อยู่ด้านในสุดของรุ้งกินน้ำ นั่นก็คือสีม่วง ก่อนที่สีทุกสีจะเริ่มจางหายไปอีกครั้ง เรามักได้ยินกันบ่อยๆว่ารุ้งกินน้ำ มีทั้งหมด 7 สี ซึ่งก็คือ สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีคราม และสีม่วง รอย จี บิฟว์ คือเทคนิคที่ช่วยให้คน จดจำสีต่างๆในรุ้งกินน้ำได้ แต่ถ้ามองให้ดีก็จะเห็นว่า สีพวกนั้นจะค่อยๆเปลี่ยนไป จนแทบดูไม่ออกเลยว่ามันมีอยู่กี่สี ส่วนใหญ่แล้วรุ้งกินน้ำก็ไม่ได้ เกิดขึ้นบ่อยนักหรอก เพราะแสงอาทิตย์กับสีของรุ้งน่ะ ผสมปนกันจนกลายเป็น แสงสีขาวหมดแล้ว เมื่อแสงสีขาวกระทบเข้ากับอะไรเข้า และมันสะท้อนกลับมา ความน่าสนใจก็อยู่ที่ตรงนี้ล่ะ นี่คือแสงสีขาวซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มแสง ของสีทุกสีมารวมตัวกัน แล้วมันก็ ส่องไปที่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองตัวหนึ่ง สีบางสีได้ถูกเสื้อเชิ้ตดูดซับแสงเอาไว้ นั่นคือแสงกำลังถูกดูดซับอยู่ ในขณะที่แสงสีอื่นๆกลับสะท้อนออกมา และมันยังคงเดินทางต่อไป จนมาถึงดวงตาของเรา ซึ่งดวงตาและสมองก็จะแปลผลของสีมากมาย ที่มารวมตัวกันนี้ออกมา จนทำให้เรามองเห็นสีเหลืองที่เสื้อนี่แหละ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมองเห็น สีเหลืองที่อยู่บนตัวเสื้อเชิ้ตได้ ผ้าจะเป็นตัวดูดซับสีทุกสีไว้ ยกเว้นสีเหลืองที่สมองและดวงตา ของเราแปลผลออกมาได้ อาจกล่าวได้ว่าหากวัตถุนั้นๆมีสีใด มันจะเป็นตามเกณฑ์ที่ว่า วัตถุนั้นจะดูดซับสีต่างๆเอาไว้ ยกเว้นแต่สีที่ตัวมันเป็นนั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อนนะ แล้วสีต่างๆพวกนั้น มันจะไปอยู่ที่ไหน หมายถึงพวกสีที่ถูกวัตถุดูดซับสีไว้นี่รึ? มันก็จะเปลี่ยนเป็นความร้อนน่ะสิ เราจะสังเกตเรื่องนี้ได้ง่ายมากเลย ตอนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำในวันที่มีแดดจัด เสื้อสีดำจะดูดซับสีทุกสีไว้ แถมยังไม่มีการสะท้อนเอาสีอะไรออกมาด้วย เพราะแบบนี้ไง เสื้อสีดำจึงทำให้เกิด ความร้อนให้คนใส่มากกว่าเสื้อสีขาว สีขาวน่ะมันสะท้อนได้ทุกสีเลยนะ แถมยังดูดซับสีได้น้อยกว่าสีอื่นๆด้วย ทีนี้คงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงรู้สึกสบายตัว เมื่อใส่เสื้อสีขาวในวันที่อากาศร้อน และแดดจัด สีทาบ้านนี้ประกอบไปด้วย อนุภาคเล็กๆ - สีย้อม ซึ่งจะถูกผสมลงไปในกระป๋องสีด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถดูดซับสีบางสี และสะท้อนทุกสีที่มันมีได้ทั้งหมด นี่คือสีทาบ้านที่ดูดซับสีโทนแดงได้หมด และส่วนใหญ่ของแสงที่สะท้อนออกมา จะเป็นโทนสีน้ำเงินและสีเขียว ซึ่งสมองและตาของเราจะแปล ออกมาเป็นสีน้ำเงินแกมเขียว นี่คือสีทาบ้านที่ดูดซับ โทนสีน้ำเงินกลางเอาไว้ โดยสีที่สะท้อนออกมา ให้เราแปลได้ก็คือสีเหลือง ถ้าผสมสีทาบ้าน 2 สีนี้เข้าด้วยกัน เราจะได้สีที่ดูดซับทั้งสีแดงและสีน้ำเงิน ฉะนั้นสีที่ยังเหลืออยู่ก็จะสะท้อนกลับมา ที่ถูกแปลผลโดยดวงตาและสมอง นั่นก็คือสีเขียว สีย้อมใหม่ที่เราผสมเข้าไป จะทำให้สีอื่นถูกดึงออกมา จากแถบสีสเปกตรัมที่แสดงอยู่นี้ มันเป็นผังการผสมสีที่จะนำมาใช้ ตอนที่เราต้องการผสมสีต่างๆ สีแต่ละสีนั้นจะแยกออกมา เป็นโทนสีต่างๆของแสง ซึ่งสีย้อมจะคอยดูดซับเอาไว้ แต่หากถ้าเราผสมสีของแสง เราก็จะต้องเติมสีต่างๆลงไป ในแสงแต่ละตัวที่เราเปิดไว้ นี่คือผังการผสมสีที่เราต้องใช้ เวลาที่เราเอาแสงที่มีมาผสมกัน แสงของสีจะเป็นตัวเพิ่มความอ่อนให้กับสี ถ้าเรานำสีที่มีในรุ้งกินน้ำ ไปผสมกับสีทาบ้าน สีที่ได้ก็แทบจะเป็นสีดำ แต่ถ้าเราผสมสีพวกนี้กับแสง สีที่ได้ก็จะเป็นสีขาว