
สภาพภูมิอากาศและพืชพรรณในเขตต่างๆ

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
True or false? In the rain forest near the equator, the climate is tempered.
สภาพอากาศและภูมิอากาศนั้น แตกต่างกันมากในแต่ละส่วนของโลก บางที่ ก็อากาศร้อนตลอด น่าว่ายน้ำตลอดทั้งปี ส่วนบางที่ ก็เล่นสกีได้ตลอดปี มันหนาว และหนาวสุดๆไปเลยในบางเวลา บางที่แห้ง ในขณะที่บางที่ฝนตกและชื้น อะไร คือสิ่งที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้นะ? สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือลำแสงอาทิตย์ ที่แผ่ลงมากระทบกับผิวโลก ลำแสงอาทิตย์ลำนี้ กระทบกับผิวโลก ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร จึงมีแค่พื้นที่เล็กๆ ที่จะได้รับความร้อน ส่วนตรงนี้ ใกล้ๆกับขั้วโลก ลำแสงอาทิตย์จะแผ่ไปโดนพื้นที่ใหญ่ กว่าเดิมมาก ซึ่งจะได้รับความร้อนไม่เท่าพื้นที่ ขนาดเล็ก ด้วยเหตุนี้ ภูมิอากาศจึงร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อยิ่งเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตร ต่อจากนี้ เราจะเดินทางสำรวจโลก จากเส้นศูนย์สูตรจนถึงขั้วโลกเหนือ จะได้เห็นว่าภูมิอากาศเปลี่ยนไปยังไง ระหว่างที่เราเดินทางจากที่อุ่นๆ ไปยังที่ๆหนาว เราจะเริ่มที่คองโก ตรงกลางแอฟริกา ตอนนี้เราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร พระอาทิตย์สาดแสงอย่างแรง ทำให้มันร้อนมากๆ และเมื่ออากาศร้อนขึ้น มันก็จะมีน้ำหนัก เบาลง และลอยสูงขึ้นไปในชั้นบรรบากาศ ไอน้ำในอากาศลอยขึ้นไปด้วยเช่นกัน และเมื่อขึ้นไปสูง อากาศก็จะเย็นตัวลง ทำให้ไอน้ำควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ เล็กๆ เกิดเป็นฝน ซึ่งตกแทบทุกวัน ดังนั้น แปลว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตรนั้น ไม่ได้แค่ร้อนอย่างเดียว มันยังชื้นด้วย ป่าแถบนั้นจึงทึบและเขียวชอุ่ม โดยเราเรียกมันว่าป่าฝน ทีนี้ เราขยับเหนือขึ้นไปจากเส้นศูนย์สูตร พื้นที่โล่งมีขนาดใหญ่ขึ้น พืชพันธุ์เป็นหญ้าสูง และพุ่มไม้กับต้นไม้หรอมแหรม ภูมิอากาศตรงตรงนี้แห้งกว่าเดิม แต่ในบางช่วงของปีหรือในหน้าฝน ฝนจะตกอย่างหนัก สิ่งนี้เรียกว่าเซวันนา พื้นที่ระหว่างป่าฝนและเซวันนานี้ คือเขตภูมิอากาศร้อนชื้น ทีนี้ ขึ้นเหนือไปอีก ที่ๆพระอาทิตย์แผดเผา ตรงนี้ อากาศร้อนสุดขั้ว และแทบจะไม่มีสิ่งใดๆเติบโต ได้เลย มันคือทะเลทราย แล้วทำไมบริเวณนี้มันถึงแห้งนักล่ะ? จำได้ใช่มั้ย ว่าพระอาทิตย์ฉายแสงลงมา ตรงเส้นศูนย์สูตร และทำให้อากาศตรงนั้น ร้อนและลอย สูงขึ้น อากาศร้อนเหล่านั้น มันไม่สามารถลอย ไปตลอดหรอก เมื่อมันลอยสูงถึงจุดๆหนึ่งในชั้น บรรยากาศ มันจะเคลื่อนตัวไปทางใต้ หรือทางเหนือแทน หลังจากนั้นซักพัก มันก็จะเย็นลง และหนัก จนเริ่มเคลื่อนลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง มีอากาศจำนวนมาก ที่ถูกดันลงสู่พื้นดิน ทำให้มีพื้นที่ความดันสูงเกิดขึ้น อากาศตรงน้ันจึงแห้งและอุ่น อย่างเช่นในทะเลทรายซาฮารา เหนือกว่านั้นขึ้นไปอีกนิด เราเดินทางมาถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ตรงนี้ แห้งและร้อนมากในหน้าร้อน ในขณะที่หน้าหนาวไม่หนาวมากและมี หยาดน้ำฟ้ามากขึ้น เขตภูมิอากาศนี้ ซึ่งแห้ง ร้อน และมีหน้าร้อนยาวนาน และฤดูหนาวสั้นๆที่ไม่หนาวมาก เรียกว่า เขตภูมิอากาศกึ่งร้อนชื้น เหนือขึ้นไป ก็ยิ่งหนาวขึ้นไปอีก ในเขตนี้ เรามีฤดูสี่ฤดูที่แตกต่างกัน อย่างชัดเจน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว พืชพันธุ์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นป่าไม้ ต้นไม้ที่มีใบกว้างและต้นสน มีแนวป่าสนขนาดมโหฬารที่เริ่มตั้งแต่ สแกนดิเนเวีย ผ่าน เอเชีย จนถึงทวีปอเมริกาเหนือ นี่คือเขตภูมิอากาศอบอุ่น เราได้มาถึงจุดสิ้นสุดการเดินทางของเรา แล้ว ทางเหนือนี้ มันหนาวตลอดปี บริเวณนี้ ยังมีบางที่ ที่น้ำแข็งละลายในหน้าร้อน ทำให้พืชพันธุ์สามารถเติบโตได้ นิดหน่อย แต่ถ้าขึ้นไปเหนือสุดๆ น้ำแข็ง จะอยู่อย่างนั้นไปทั้งปี มันคือเขตภูมิอากาศขั้วโลก เราเริ่มการเดินทางของเราจากแอฟริกา และเดินทางขึ้นเหนือ ผ่านยุโรปจนถึงขั้วโลกเหนือ หากเราเดินทางจาก เส้นศูนย์สูตรผ่านส่วนอื่นๆของโลก ไปยังขั้วโลกเหนือหรือใต้ เราก็จะเจอกับ ภูมิอากาศคล้ายๆกับที่เราเจอ ดังนั้น เราจึงสามารถแบ่งเขตภูมิอากาศของ โลกได้เป็นสี่ส่วน ใกล้เส้นศูนย์สูตรคือภูมิอากาศเขตร้อนชื้น ซึ่งอุ่นและมีฝนตกมากตลอดปี ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมาอีกนิด ก็จะเจอกับ เขตภูมิอากาศกึ่งร้อนชื้น ซึ่งมีฤดูร้อนที่ร้อนและแห้ง และฤดูหนาวสั้นๆที่ไม่หนาวมาก ถัดมา คือเขตภูมิอากาศอบอุ่นที่มีสี่ฤดู ซึ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจน และมีป่าไม้มาก และสุดท้ายก็คือเขตภูมิอากาศขั้วโลก ที่หนาวเหน็บและแทบจะไม่มีพืชพันธุ์ใดๆเลย