การค้าสมัยใหม่

เป็นพันๆ ปีแล้ว ที่ผู้คนเข้าไปมีส่วนร่วมในการค้าขาย การค้าทำให้ผู้คนได้สิ่งที่ต้องการมา แม้ว่าจะหาสิ่งเหล่านั้นในที่ที่ ตัวเองอยู่ไม่ได้ เกลือและปลาถูกนำไป แลกกับเนื้อและหนังสัตว์ และผู้คนเดินทางไกลเพื่อซื้อและขายสินค้า พวกเขาได้พบคนจากสังคมอื่นๆ มันเป็นการพบปะกันอย่างสงบ ที่ศูนย์กลางการค้า พวกเขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยน แนวคิดและความรู้กัน การค้าได้สร้างความเจริญรุ่งเรือง และช่วยเผยแพร่ความรู้ และวันนี้การค้ายังคงดำเนินต่อไป อยู่ทั่วทุกมุมโลกตลอดเวลา เมื่อคิมเข้ามาในร้านแห่งหนึ่ง สินค้ามากมายจากทั่วทุกมุมโลก ได้ถูกนำมาไว้ที่นี่ มะม่วงจากอินเดีย กาแฟจากบราซิล มีดจากญี่ปุ่น และแบตเตอรี่นี้ก็มาจาก เยอรมันไง อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตแบตเตอรี่นั้น ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมัน แต่ก่อนที่จะผลิตแบตเตอรี่ พวกเขาก็ต้องการวัตถุดิบ โรงงานแบตเตอรี่ต้องซื้อแร่สังกะสี จากเหมืองในจีน นิกเกิลจากเหมืองในออสเตรเลีย และโพแทสเซียมจากเหมืองในรัสเซีย ต่อมาเมื่อแบตเตอรี่พร้อมใช้งาน พวกมันก็จะถูกส่งขายไปทั่วโลก เช่นในร้านค้าของคิม นี่คือตัวอย่างของการค้าสมัยใหม่ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ระหว่างรัฐและประเทศต่างๆ การค้าขายเป็นเรื่องสากล เมื่อพ่อค้าซื้อสินค้าจากประเทศอื่น มันเรียกว่าการนำเข้า เรานำเข้าสินค้าเข้ามา และเมื่อเราผลิตสินค้า และขายมันให้กับประเทศอื่น มันจึงเรียกว่าการส่งออก เราส่งสินค้าออกไป นี่คือประเทศสองประเทศ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ต่างก็มีโรงงานที่ ผลิตเหล็ก และโรงถลุงเหล็ก ลูกค้าที่ซื้อเหล็กสามารถ เลือกซื้อได้จากทั้งสองแห่ง แต่บ่อยครั้งที่รัฐก็ตัดสินใจว่า จะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม เพื่อนำสินค้าข้ามชายแดนไป มันคือค่าผ่านทาง ค่าผ่านทางนั้นถูกตั้งขึ้นได้ จากหลายเหตุผล หนึ่งในนั้นคือพวกเขาหวัง จะนำพาเม็ดเงินเข้าสู่รัฐ ค่าผ่านทางเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ สินค้านำเข้ามีราคาแพงขึ้น เหล็กจากโรงงานนี้จะมีราคาสูงกว่า เมื่อคุณต้องจ่ายค่าผ่านทาง รัฐหวังว่าลูกค้าจะซื้อเหล็กที่ผลิตเอง ในประเทศมากขึ้น พวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงค่าผ่านทาง ดังนั้นค่าผ่านทางจึงเป็นวิธีที่ รัฐบาลจะให้ประโยชน์ กับบริษัทภายในประเทศ เมื่อต้องเผชิญกับการแข่งขัน กับบริษัทต่างประเทศ และมันก็ประสบความสำเร็จ มีการนำเข้าน้อยลง และมีลูกค้าซื้อเหล็กกล้า จากโรงงานนี้มากขึ้น แต่ถัดไปจากโรงงานเหล็ก ก็มีโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ พวกเขาต้องการเหล็กจำนวนมาก ก่อนหน้านี้พวกเขาซื้อมันได้ในราคาถูก จากโรงงานที่อีกฟากหนึ่งของชายแดน เมื่อมีการเก็บค่าผ่านทาง เหล็กจึงมีราคาแพงขึ้น มอเตอร์ไซค์ของพวกเขา จึงมีราคาแพงกว่าในการผลิต ยิ่งมอเตอร์ไซค์มีราคาแพงขึ้น ก็หมายถึงมันจะขายได้น้อยลง ดังนั้นจึงควรนำเงินค่าผ่านทาง ไปสนับสนุนโรงงานเหล็ก ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นปัญหาของ โรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ ยังมีทางเลือกในการเก็บเงินค่าผ่านทาง คือต้องอนุญาตให้นำสินค้าข้ามผ่าน ชายแดนไปได้อย่างอิสระ สิ่งนี้เรียกว่าการค้าเสรี ในเมื่อพวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่าย ค่าธรรมเนียมเพิ่ม ลูกค้าก็จะซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง และผู้ผลิตสินค้า ก็มีโอกาสที่ดีกว่าในการขายสินค้า ให้กับลูกค้าจากที่อื่น มากกว่าลูกค้าในประเทศของตัวเอง แต่นั่นอาจหมายความว่ารัฐบาล จะได้เงินน้อยลง และบริษัทต่างๆ ก็มีช่วงเวลาที่ ยากลำบากกว่าเดิม ในการจัดการกับการแข่งขัน จากประเทศอื่นด้วย หลายประเทศมารวมตัวกัน เพื่อร่วมมือด้านการค้าเสรี โดยให้แลกเปลี่ยนสินค้าได้อย่างอิสระ แบบไม่เก็บค่าผ่านทางระหว่างประเทศ ในกรณีนี้ประเทศต่างๆ จะรวมตัวกัน เป็นกลุ่มการค้าขึ้น สหภาพยุโรปเองก็เป็น ตัวอย่างหนึ่งของกลุ่มการค้า และยังมีอีกมากมาย คิมซื้อของเสร็จแล้ว และกระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยสินค้านำเข้า ในขณะเดียวกัน โรงงานที่อยู่ ถัดจากร้านค้าออกไป ก็มีการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก การค้าระหว่างประเทศ กำลังเกิดขึ้นรอบตัวเรา และทั่วทุกมุมโลกตลอดเวลา