
วาสโก ดา กามา

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
เซา กาเบรียล เซา ลาฟาเอล และเบอร์ริโอ คืออะไร?
จากจุดนี้ เลาะไปตามชายฝั่งของแอฟริกา ท่ามกลางทะเลที่มีพายุบ้าคลั่ง เราพบแหลมนี้ปรากฎขึ้น ในปี 1488 นั้นยังไม่มีชาวยุโรปคนใด เข้ามาสำรวจได้ไกลเท่านี้ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มี ในแผนที่ด้วยซ้ำไป แต่แล้วชาวโปรตุเกสนามว่า บาร์โทโลมิว ดิเอส กลับได้รับมอบภารกิจ จากกษัตริย์โปรตุเกส ให้ไปค้นหาส่วนที่อยู่ใต้สุด ของแอฟริกา ที่จะเดินทางไปอินเดียทางทะเลได้ แรงจากพายุที่เกิดขึ้นพัดให้เขา มาอยู่ที่นี่ ดิเอสสำรวจรอบแหลมนั้นและรู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่อยู่ในแผนที่มันผิด เขาเรียกแหลมแห่งนั้นว่า แหลมแห่งพายุ ดิแอสกลับบ้านไปอย่างยินดีเพื่อ รายงานต่อพระเจ้าจอห์นที่ 2 แต่น่าแปลกที่การค้นพบของเขา กลับไม่ได้รับการยอมรับจากองค์กษัตริย์เลย หรือองค์กษัตริย์จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ เขาค้นพบนั้นสำคัญน่ะ จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนชื่อแหลมนั้นใหม่ แหลมกูดโฮพหรือแหลมแห่งความหวัง เพราะตอนนั้นเราทุกคนต่างก็มีความหวัง ที่จะค้นหาเส้นทางไปยังอินเดียไงล่ะ ทุกวันนี้ทั้งสเปนและโปรตุเกส ต่างก็เป็นชาติที่ประกอบอาชีพ ด้านการเดินเรือเป็นหลัก คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสนั้นได้รับ เงินสนับสนุนจากสเปน ในการค้นหาอินเดียโดยเดินทาง ที่มุ่งหน้าไปยังฝั่งตะวันตก แต่กษัตริย์โปรตุเกสกลับเชื่อมั่นว่า เส้นทางที่ดีที่สุดที่จะเดินทางไป ยังอินเดียได้นั้นอยู่ทางตะวันออก ขอแค่ใครสักคนไปพบมันเข้า ก็จะไม่มีใคร ต้องเดินทางผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วเดินทางทางบกผ่านคาบสมุทรอาระเบีย ที่ซึ่งนักเดินทางจะถูกชาวมุสลิม เรียกเก็บภาษี หลังจากต่อสู้กันอย่างหนัก ทั้งสเปน และโปรตุเกส ก็ตัดสินใจแบ่งน่านน้ำทางทะเลและ สิทธิการยึดครองรัฐอาณานิคมใหม่ เขตแดนนั้นถูกขีดเอาไว้ที่ ตอนใต้ของเกาะอะโซรัส สิทธิการยึดครองของสเปน จะอยู่ในพื้นที่แถบตะวันตก ส่วนพื้นที่ทางตะวันออกจะเป็นของโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสได้กษัตริย์องค์ใหม่ นามว่าพระเจ้ามานูเอลที่ 1 เขาตัดสินใจส่งคณะสำรวจกลุ่มใหม่ ไปทำการสำรวจรอบแหลมกูดโฮพ ครั้งนี้เรือที่ส่งไปจะเข้าไปถึงอินเดีย หัวหน้าคณะการเดินทางครั้งนี้ มีชื่อว่าวาสโก ดา กามา เรือเซากาเบรียล เรือเซาราฟาเอล เรือบาร์ริโอ และเรือสินค้าได้ออกจากอ่าวลิสบอน ในปี 1497 ตอนแรกมันก็ง่ายอยู่หรอกนะ ที่จะแล่นเรือผ่านทะเลเตเนรีฟและ หมู่เกาะเคปเวิร์ดน่ะ แต่จุดที่พวกเขาเลี้ยวไปเพื่อมุ่งหน้า สู่ทะเลเปิดเนี่ยสิ ขบวนเรือนั้นต้องอาศัยลมแรงจากทางใต้ ที่เกิดบริเวณเส้นศูนย์สูตรเพื่อช่วยให้ ไปถึงตอนใต้ของชายฝั่งแอฟริกาได้สำเร็จ ทว่ายังไม่ทันพ้น 3 เดือนที่นับระยะทาง ได้ 10,000 กิโลเมตรในทะเลเปิด มันก็ทำให้พวกเขามองเห็นชายฝั่ง แอฟริกาอีกครั้ง นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นในทะเลเปิดนี้ พายุหลายลูกที่แหลมกูดโฮพนั้น ถึงจะมีความรุนแรงมาก แต่พวกเขาก็สามารถแล่นเรือต่อ จนสามารถไปถึงชายฝั่งแอฟริกา ตะวันออกได้สำเร็จ เส้นทางการค้าหลายแห่งนั้นถูก ชาวมุสลิมควบคุมอยู่ และวาสโก ดา กามาเองก็กังวลไม่น้อย ว่าพวกมุสลิมจะปฏิบัติเช่นไรต่อพวกเขา ในฐานะของชาวคริสต์ ดังนั้นเขาจึงให้คนในคณะเดินทางปลอมตัว เป็นมุสลิมเมื่อไปถึงโมซัมบิค แต่สุลต่านผู้ครองเมือง กลับไม่ไว้ใจพวกเขา ดังนั้นคณะเดินทางจึงต้องหนีออกมาก่อน เมื่อเรือของคณะพ้นจากอ่าว พวกเขาก็ระดมยิงปืนใหญ่ เข้าใส่เมือง ซึ่งก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซ้ำยังทำให้แย่ลงไปกว่าเดิมด้วย ที่นอกชายฝั่งของเคนย่า พวกเขา ได้เข้าร่วมการปล้นสะดม เรือของมุสลิมถูกพวกเขาโจมตี นั่นยังไม่แปลกเท่ากับที่มีการขนานนาม พวกเขาในฐานะของโจรสลัดในมอมบาซา และก็ได้ถูกขับไล่ออกไปอีกครั้ง สุดท้ายก็ถึงเวลาที่ต้องพึ่งลมมรสุม เพื่อกลับไปยังอินเดียแล้วล่ะ ขบวนเรือนั้นมาถึงเมืองกาลิกัตในปี 1498 เป็นอันว่าพวกเขาทำสำเร็จ แต่กษัตริย์แห่งกาลิกัตกลับ ไม่พอใจนัก เพราะลูกเรือต่างดูอิดโรยไปตามๆกัน แถมยังไม่มีของกำนัลดีๆติดมือมาด้วย องค์กษัตริย์จึงเชื่อว่า พวกเขาเป็นโจรสลัด และยังปฏิเสธที่จะทำการค้าด้วย เว้นแต่พวกเขาจะจ่ายสินน้ำใจเป็นทองคำ และตอนนี้แหละที่เราจะได้เห็นมุม ที่ชั่วร้ายที่สุดของดา กามา เขาลักพาตัวชาวอินเดียหลายคนไป และทำร้ายคนเหล่านั้นอย่างป่าเถื่อน ความรีบร้อนที่จะออกจากเมืองทำให้เขา ฝ่าลมมรสุมมา และพยายามที่จะแล่นเรือฝ่ามันออกไป เขาใช้เวลา 132 วันในการเดินทางกลับบ้าน เรือ 2 ลำเสียหายจากพายุจนสูญหายไป และจากลูกเรือ 170 คนก็เหลือ รอดกลับมาเพียง 55 คนเท่านั้น วาสโก ดา กามากลับมายังโปรตุเกส ด้วยชัยชนะและเขาก็ได้ครองรางวัล ตอนนี้ชาวโปรตุเกสได้ยึดครองอาณาเขต ทางทะเลไว้ได้ทุกทางแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้นกับดิแอส ผู้มาถึงที่นี่เป็นคนแรก ทั้งยังเรียกแหลมนี้ว่า แหลมแห่งพายุล่ะ เขาได้สิ้นชีพลงที่นี่ ท่ามกลางลมพายุ