
โรม : อาณาจักรโรมัน

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
What language was spoken in Rome?
มีใครเคยได้ยินบ้างไหมว่ากษัตริย์สวีเดน เติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูโดยหมาป่า? ไม่นะ มันไม่ใช่แบบนั้นแน่ แค่ฟังก็รู้แล้วว่ามันไม่จริง เรารู้ได้โดยการอ่านเอกสารเกี่ยวกับเขา ในวัยเด็ก แต่ประวัติของกรุงโรมตอนต้นนี้ ฟังดูแปลกๆนะ เนื่องจากขาดบันทึกในช่วงเวลานั้น ผู้บันทึกชาวโรมันเขียนเรื่องราวดังกล่าว หลังจากเหตุการณ์จริงนานมาก ทั้งยังเอาเรื่องจริงกับตำนานมารวมกัน แต่เราก็ได้ทราบว่าราว 200 ปี ที่กรุงโรมอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ มันเป็นช่วง 753 ปีก่อนคริสตกาล และคนผู้นี้คือโรมิวลัส ตามตำนานได้เล่าว่าทั้งเขาและ พี่น้องฝาแฝดได้ถูกหมาป่าเลี้ยงดูมา แต่โรมิวลัสกลับสังหารคู่แฝดของเขา ตอนนี้เขาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรก แห่งกรุงโรม เขาตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ เขาจึงตั้งคณะที่ปรึกษาจำนวน 100 คน หรือ'วุฒิสภา'ขึ้นมา โรมิวลัสพูดภาษาละติน และคำว่า วุฒิสภาหรือ 'senate' นั้น มาจากคำว่า'ซีเน็กซ์' ในภาษาละติน แปลว่าชายชรา คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าของตระกูลต่างๆ หลังจากยุคของกษัตริย์องค์แรกผ่านไป ตระกูลเหล่านี้ได้รับความสำคัญมากขึ้น พวกเขากลายมาเป็นอภิสิทธิชนหรือ แพทริเซียน วุฒิสภายังไม่มีอำนาจมากมาย แต่อำนาจเพิ่มพูนขึ้น หลังจาก ที่โรมิวลัสลาโลกไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวุฒิสภา จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครคือ กษัตริย์องค์ต่อไป กษัตริย์ที่ถูกเลือกจะต้อง ทำหน้าที่ไปชั่วชีวิต โรมจึงกลายเป็นราชาธิปไตยโดยการเลือกตั้ง ระบอบราชาธิปไตยลักษณะนี้ จะแตกต่างจากระบอบราชาธิปไตย ในยุคปัจจุบันอยู่ 2 อย่าง คือกษัตริย์จะถูกเลือกขึ้นมา และไม่จำเป็นต้องเป็นเชื้อพระวงศ์ ในขณะนั้นกรุงโรมยังไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นแค่เมืองๆหนึ่งที่ตั้งอยู่ ท่ามกลางเมืองต่างๆในตอนกลางของ คาบสมุทรอิตาลี หรือเขตลาเทียม ประชากรในกรุงโรมมาจากคน 3 ชนเผ่า ชนเผ่าหนึ่งมาจากเทือกเขาแอเพนไนน์ คือเผ่าซาบีน ซึ่งชนเผ่านี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งย้ายไปอยู่ในลาเทียม ก่อนที่กรุงโรมจะถูกสร้างขึ้น และตอนนี้พวกเขาก็ได้ ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองแล้ว ทางตอนเหนือของลาเทียม ในอาณาจักรอิทรูเรีย เป็นที่อยู่ของกลุ่มคนที่มีทักษะสูง ในยุคนั้นคือชาวอีทรัสคัน ทักษะอันเลื่องลือที่พวกเขามี คืองานเหล็ก และพวกเขายังสร้างถนนอันทันสมัย และสะพานส่งน้ำขึ้น ทักษะเหล่านี้ พวกเขาได้นำมัน เข้ามาในกรุงโรมด้วย เผ่าที่สามนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ ในลาเทียมมาก่อน คนของโรมิวลัสหรือชาวละติน กลุ่มของชาวละตินนั้นมีอยู่มากที่สุด พวกเขาพูดภาษาละติน ภาษาละตินจึงกลายมาเป็นภาษา เดียวที่พูดในโรม วุฒิสภาได้รับเลือกมาจากประชาชน จาก 3 กลุ่มนี้ ซาบีน, อีทรัสคัน และละติน นอกจากพวกแพทริเซียนแล้ว ยังมีชนชั้นอื่น ในกรุงโรมด้วย คือประชาชนทั่วไป เช่นพ่อค้าและ ช่างฝีมือ เรียกว่า 'เพลเบียน' สังคมของชาวโรมันนั้น เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียม มีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้นระหว่าง แพทริเซียนและเพลเบียน คนรวยและคนจน ระหว่างชายและหญิง ระหว่างเหล่าเสรีชนและทาส กรุงโรมมีกษัตริย์ทั้งหมด 7 องค์ ไม่มีใครรู้เรื่องกษัตริย์องค์แรกมากนัก นอกจากตำนาน แต่เราก็มั่นใจได้ด้วยเหตุและผลว่า กษัตริย์ 3 องค์สุดท้ายเป็นชาวอีทรัสคัน กษัตริย์องค์ที่ 7ซึ่งเป็นองค์สุดท้าย ชื่อว่าลูเซียส ทาร์ควินเนียส ซุเปอร์บัส ตำนานเล่าว่าเขาได้อำนาจมา ด้วยความช่วยเหลือจากภรรยา โดยการปลิดชีพกษัตริย์องค์ก่อน ซึ่งเป็นพ่อตาของเขาเอง เพราะเหตุนี้ ชาวโรมันจำนวนมาก จึงไม่ชอบใจกษัตริย์และราชีนีองค์ใหม่ ตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์ อีกทั้งลูเซียส ทาร์ควินเนียส ซุเปอร์บัส ก็ไม่ยอมเลือกวุฒิสมาชิกคนใหม่ๆขึ้นมา เแทนคนเก่าที่ตายไปหรือถูกเนรเทศ วุฒิสมาชิกจึงเหลือน้อยลงและ อำนาจที่พวกเขามีก็ค่อยๆลดลงไป เรื่องอื้อฉาวได้นำความวิบัติมาสู่ กษัตริย์และราชตระกูล โอรสของกษัตริย์ได้บังคับขืนใจ สตรีชั้นสูงนางหนึ่ง นางจึงฆ่าตัวตาย ชาวโรมันสุดแสนจะทน ในช่วง 509 ปีก่อนคริสตกาล พวกเขาได้ขับไล่พวกราชวงศ์ ออกไปจากเมือง ตอนนี้วุฒิสภาได้ขึ้นมากุมอำนาจ ระบอบราชาธิปไตยได้ถูกล้มเลิกไป แล้วกรุงโรมก็กลายเป็นสาธารณรัฐ