ยุคเรืองอำนาจของพรรคนาซี : กบฎโรงเบียร์

เยอรมันปราชัยในมหาสงครามนี้ ชาวเยอรมันหลายล้านคนเสียชีวิตในสงคราม และเยอรมันก็เป็นประเทศที่อยู่ในช่วง วิกฤตทางเศรษฐกิจและการเมือง ภาวะเงินเฟ้อที่สูงและเงินในธนาคาร ได้เสียมูลค่าของมันไป ประชากรครึ่งหนึ่งไม่มีงานทำ และผู้คนหลายพันคนกำลังหิวโหย คอมมิวนิสต์ สังคมนิยมและ พวกเผด็จการขวาจัด กำลังต่อสู้กันบนท้องถนน เพื่อพยายามแย่งชิงอำนาจ ชาวเยอรมันจำนวนมากต้องทนกล้ำกลืน และเชื่อว่านักการเมืองของพวกเขาล้มเหลว นอกกรุงเบอร์ลินมีนายทหารผู้หนึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาคืออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และโรงพยาบาลของกองทัพ กำลังจะปลดเขาออกจากงาน ฮิตเลอร์เป็นชาวออสเตรียโดยกำเนิด แต่เข้ามารบให้กับเยอรมันในสงคราม ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่ที่มิวนิก ในรัฐบาวาเรีย ฮิตเลอร์อายุ 30 ปีและไม่มีงานทำ ไม่มีแม้แต่บ้าน หรือเพื่อนฝูง เขารู้สึกผิดหวังที่สงครามสิ้นสุดลงแบบนี้ ในปี 1919 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์เข้าร่วมกลุ่มการเมือง ที่เรียกกันว่าพรรคของกรรมกรชาวเยอรมัน หรือพรรคแรงงานเยอรมัน ฮิตเลอร์เป็นคนที่สื่อสารกับคนอื่นได้ดี และในไม่ช้าก็ได้รับตำแหน่งสำคัญในพรรค ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 1920 ได้มีการเปลี่ยนชื่อพรรคมาเป็น พรรคกรรมกรสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน เรียกกันทั่วไปว่าพรรคนาซี ฮิตเลอร์เขียนแนวทาง ทางการเมืองขึ้นมา แถลงการณ์ที่เขียนขึ้น มีอยู่ 25 แถลงการณ์ ระหว่างสิ่งที่เขาเรียกร้อง คือข้อตกลงสันติภาพ หรือสนธิสัญญาแวร์ซาย ควรจะฉีกทิ้งไปได้แล้ว ชาวเยอรมันไม่ควรต้องจ่ายหนี้ของสงคราม ให้กับประเทศต่างๆ และดินแดนในยุโรปทั้งหมด ที่ผู้มีเชื้อสายเยอรมันอาศัยอยู่ ควรถูกรวมเข้าเป็นประเทศเดียวกัน ฮิตเลอร์มีความเชื่อว่าชาวยิว และพวกคอมมิวนิสต์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เยอรมันแพ้สงคราม นั่นไม่ใช่ความคิดของเขาคนเดียวหรอก เพราะชาวเยอรมันหลายคนก็คิดเช่นกัน ฮิตเลอร์ต้องการยึดทุกสิ่ง ที่ชาวยิวครอบครองอยู่ในเยอรมัน ทั้งเงินทอง ธุรกิจและบ้านของพวก ในไม่ช้า ฮิตเลอร์ก็ได้ตั้งตัว เป็นผู้นำของพรรคนาซี ตอนนี้เขาสามารถเผยแพร่แนวคิด ทางการเมืองของตัวเองได้แล้ว เขายกย่องชื่นชมเยอรมัน และกระตุ้นให้ทุกคนรักประเทศของตัวเอง เขามีความเป็นชาตินิยม แต่ไม่ใช่แค่นั้น ฮิตเลอร์และพวกนาซีต่างคิดว่า ชาวเยอรมันเหนือกว่าชนเผ่าอื่น พวกเขาแบ่งแยกเชื้อชาติ ทั้งยังเริ่มหันมาใช้สัญลักษณ์โบราณ เครื่องหมายสวัสดิกะ มาเป็นสัญลักษณ์ของพรรค ฮิตเลอร์ยังสร้างคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งขึ้นมา ที่เรียกว่าสตอร์มทรูปเปอร์ หรือเอสเอ งานของพวกเขาก็คือสร้างความหวาดหวั่น และก่อวินาศกรรมทางการเมืองต่อฝ่ายตรงข้าม ตลอดจนถึงปกป้องนักการเมือง ของฝั่งตนเองด้วย ในเดือนพฤศจิกายนปี 1923 ฮิตเลอร์พยายามยึดอำนาจ โดยใช้ความรุนแรง ในเย็นวันนี้มีการพบปะกับนักการเมือง หลายคนในร้านอาหาร ที่โรงเบียร์ในมิวนิค ฮิตเลอร์และกองกำลังเอสเอของเขา รีบเข้าไปที่ร้านอาหาร ฮิตเลอร์ยิงปืนขึ้นฟ้า และตะโกนเสียงดังลั่น การปฏิวัติชาติได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ความพยายามก่อรัฐประหารของเขา กลับล้มเหลว จนได้ชื่อว่า "กบฏโรงเบียร์" และฮิตเลอร์ถูกจับ เขาถูกตัดสินจำคุกอยู่ 5 ปี แต่กลับต้องโทษอยู่เพียง 9 เดือนเท่านั้น ตอนอยู่ในคุก เขาได้เริ่มเขียนหนังสือ ชื่อว่าไมน์คัมพฟ์ ฮิตเลอร์เป็นคนสั่งให้รูด็อล์ฟ เฮ็ส ซึ่ง เป็นทั้งเพื่อนและผู้ก่อการเขียนมันขึ้นมา หนังสือเล่มนี้เล่าถึงวัยเด็กและ การศึกษาของฮิตเลอร์ รวมถึงแนวคิดของเขาเรื่องชาตินิยม และวิธีที่เขาแบ่งแยกเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่แตกต่างกัน เขาเชื่อว่าชาวเยอรมันเป็นส่วนหนึ่ง ของกลุ่มชนที่เหนือกว่ามนุษย์อื่นๆ นั่นคือ เผ่าเจอร์แมนิก เขาเชื่อว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง ของชาวอารยัน ชาวอารยันนั้นเป็นอันดับหนึ่ง ในใจฮิตเลอร์ ที่ส่วนล่างสุดตามแนวคิดของฮิตเลอร์ ก็คือชาวยิว หากผู้คนในเยอรมันยังไม่ตระหนัก ถึงความเกลียดชังชาวยิวของฮิตเลอร์ ตอนนี้มันควรจะชัดเจนได้แล้วว่า ฮิตเลอร์เกลียดพวกยิวแค่ไหน