
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเชื้อเพลิง

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
สิ่งประดิษฐ์ใดที่ตอบสนองต่อความต้องการเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก?
มนุษย์และบรรพบุรุษของเรา ใช้ไฟมาเป็นเวลานาน อาจจะนานกว่าล้านปีด้วยซ้ำ นานมาแล้ว ก่อนที่โลกจะมีมนุษย์สมัยใหม่ เราได้รับประโยชน์หลายอย่าง จากการเรียน รู้วิธีจุดไฟจากกิ่งไม้ เราทำอาหารได้ ไล่สัตว์ป่าดุร้าย และสร้างความอบอุ่นในคืนอัน หนาวเหน็บ เราสามารถทำสิ่งต่างๆต่อไปหลัง พระอาทิตย์ตกดิน ผลิตเครื่องปั้นดินเผา และวัสดุก่อสร้าง ที่แข็งแรงกว่าเก่า ลองคิดดูสิ ต้นไม้ใช้เป็นสิบๆปีกว่าจะโต โดยการดูดซับพลังงานจากพระอาทิตย์ แล้วเราก็นำพลังงานเหล่านั้นมาใช้จนหมด ภายในไม่กี่ชั่วโมง แสงอาทิตย์ห้าสิบปี ที่ถูกรวบรวมอัดแน่นอยู่ในไม้ กลายเป็นค่ำคืนที่อบอุ่นแค่ไม่กี่คืน กับซุปรสชาติเข้มข้น ไม่น่าสงสัยเลย ว่าทำไมคนเราถึงชอบ เผาไม้นัก ในบางที่ มนุษย์เผาไม้มากเกินไปจน ต้นไม้ทั้งหมดถูกนำไปใช้ และเมื่อไม่มีต้นไม้ ก็ไม่มีอะไรช่วย พยุงหน้าดินไว้ ไม่ใช่ไอเดียที่ดีเท่าไหร่นะ ยิ่งแย่เลย ถ้าเป็นเกาะ ไอเดียที่ดีกว่านั้น ก็คือตัดต้นไม้ ในระยะเวลาที่มันสามารถเติบโตกลับได้ทัน แบบนี้เราจึงจะเรียกว่าแหล่งเชื้อเพลิง นั้นเป็นพลังงานทดแทน หลังจากนั้น เราก็ค้นพบตัวเลือกใหม่ ที่ไม่ใช่การใช้ฟืน มันอยู่ข้างใต้เท้าเรานี่เอง! มันคือหินที่ประกอบไปด้วยคาร์บอน เป็นส่วนใหญ่ ถ่านหินนั่นเอง ถ่านหินนั้น มีอยู่มากจนดูเหมือนกับว่า เราจะไม่มีวันใช้มันหมด แถมถ่านหินนั้นเผาไหม้เหมือนกับไม้ แต่เราได้พลังงานจากมันมากกว่าไม้ สองสิ่งนี้ที่ถ่านหินมี ทั้งพลังงานสูง และมีจำนวนมหาศาล กลายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เมื่อ เราได้คิดค้นเครื่องยนต์ไอน้ำขึ้นมา การค้นพบนี้ ทำให้เราสามารถ ทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้นไปอีก ตอนนี้การเผาสามารถทดแทน พลังงานที่กล้ามเนื้อ ต้องใช้เวลายก กด ตัด หรือ เคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ และมนุษย์ก็เกิดความโลภอยากได้เชื้อ เพลิง แต่ถึงแม้ว่าถ่านหินจะมีประโยชน์มาก เท่าไหร่ มันก็ย่อมมีข้อเสีย เวลาที่เราเผาถ่านหิน เราไม่ได้ผลิตแค่ ความร้อน ยังมีอย่างอื่นออกมาด้วย ขี้เถ้า ซัลเฟอร์ออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ และ โลหะหนักที่เป็นพิษเช่น ปรอทและตะกั่ว จริงอยู่ ที่สารพวกนี้ก็ถูกปล่อยออกมา เหมือนกัน ตอนที่เราเผาไม้ แต่ว่าเราเผาถ่านมากกว่าเผาไม้เยอะ ตั้งแต่นั้นมา คนเราก็ขุดและเจาะพื้นดิน อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อที่จะหาเชื้อเพลิง จนมีมาก กว่าที่เราต้องการใช้เสียอีก เราใช้น้ำมันรถที่ได้มาจากน้ำมัน เพื่อทำให้รถวิ่งได้ เราใช้น้ำมันก๊าด ซึ่งได้มาจากน้ำมัน เช่นกัน เพื่อทำให้เครื่องบินบินได้ ก๊าซธรรมชาติ ถูกเผาเพื่อสร้างไฟฟ้าและ ความอบอุ่นให้ที่อยู่อาศัย และเช่นเดียวกับถ่านหิน เชื้อเพลิง เหล่านี้ก็ปล่อยสิ่ง อื่นๆนอกจากพลังงานออกมาด้วยเมื่อถูกเผา รวมถึง คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทำ ให้เกิดภาวะโลกร้อน เชื้อเพลิงที่เราขุดหรือสูบขึ้นมาจาก พื้นดิน เช่นถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ เรียกว่า เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเกิดจาดซากพืชและสาหร่ายที่เคย อยู่บนโลก เมื่อนานมาแล้ว บางส่วนนั้น อยู่ก่อน ไดโนเสาร์ด้วยซ้ำ พืชและสาหร่ายเหล่านี้รวบรวม พลังงานจากแสงอาทิตย์ และจมลงสู่ก้นมหาสมุทรเมื่อตายไป จากนั้นจึงค่อยๆกลายเป็นถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซ โดยขั้นตอนนี้ใช้เวลาเป็นร้อยล้านปี คิดดูสิ ธรรมชาติใช้เวลาเป็นร้อยล้านปี ในการสร้างพืชและสาหร่ายพวกนี้ และเราก็ใช้พวกมัน ภายในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปี ในที่สุดแล้ว เราจะไม่มีเชื้อเพลิงฟอสซิล ให้ใช้ เพราะว่าเช่นเดียวกับต้นไม้ เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ ในเวลาอันใกล้นี้ แล้วทำไมเราถึงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลล่ะ? ทั้งๆที่มันเป็นพลังงานสิ้นเปลือง ไม่หมุนเวียนและยังทำลายสิ่งแวดล้อม ก็อย่างว่าล่ะ ไม้สองสามชิ้น สามารถทำอาหารได้มื้อหนึ่ง แต่ถ้ามี น้ำมันก๊าดแค่ไม่กี่ลิตร เราสามารถทำอาหาร ได้เป็นอาทิตย์แล้ว แสงอาทิตย์ที่แสดส่องลงมาเป็น ร้อยล้านปีและถูกอัดเก็บไว้ใน วัสดุที่เราสามารถเผาและนำมาใช้ประโยชน์ ได้ในทันที ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมถึงยากนัก ที่จะหาอะไรมาแทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล