ไขมันในอาหาร

อู้ว เค้กก้อนนั้นดูน่ากินจัง ใช่ ไขมันก็มหาศาลเลยล่ะ ไขมันจะเป็นส่วนผสมอยู่ในของอร่อยทุกอย่าง ตั้งแต่ครีม เนย ไปจนถึงถั่ว ใช่แล้ว รวมถึงในอะโวคาโด้ มะกอก และชีสด้วย ในร่างกายมนุษย์เรานั้น มีไขมันเป็นส่วนประกอบอยู่มากมาย ทั้งไขมันใต้ผิวหนัง ที่คอย ปกป้องเราจากความหนาวเย็น ทั้งไขมันที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า และไขมันที่อยู่รอบๆอวัยวะสำคัญ ซึ่งคอยปกป้องมันจากอันตรายต่างๆ ในสมองของเราก็มีไขมันอยู่มาก โดยเฉพาะที่เซลล์ประสาท จริงๆแล้วเราก็มีไขมันตรงนี้ ตรงนั้น แล้วก็ทุกส่วนในร่างกาย ที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงานหนุน ร่างกายจะดึงเอาพลังงานตรงนี้ออกมาใช้ เมื่อเราไม่ได้กินอาหาร หรือไม่สบาย หรือไม่สามารถกินอะไรได้ นอกจากนี้ ไขมันยังถูกเรียกได้ว่า ระเบิดพลังงานบริสุทธิ์ได้ด้วย ไขมันจะให้พลังงานเป็น 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากับโปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรด ต้องขอบคุณที่เราสามารถใช้ไขมันในร่างกาย ในฐานะแหล่งเก็บพลังงานสำรองนี้นะ เพราะหากมีอาหารอยู่อย่างจำกัด เราก็สามารถมีชีวิตรอดได้ และเมื่อไหร่ที่มีอาหารเหลือเฟือ เราก็ สามารถกินมากขึ้นกว่าเดิมได้อีกหน่อย และเก็บพลังงานที่เกินมาไว้ในรูปของไขมัน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องกินแต่ไขมัน เพื่อเก็บมันไว้ใช้ในรูปของไขมันนะ โปรตีนกับคาร์โบไฮเดรตเองก็ ให้พลังงานได้ดีเท่ากันนั่นแหละ ร่างกายจะเปลี่ยนทุกอย่างที่มันได้ไป ตอนแรกให้เป็นพลังงาน มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการย่อย ที่กระเพาะและลำไส้เล็กตอนต้น โมเลกุลของไขมันจะถูกทำให้แตกตัว โดยเอนไซม์ และมันจะกลายเป็นพลังงานรูปแบบต่างๆ พลังงานส่วนนี้จะถูกใช้ไปในคราวเดียว เพื่อทำให้ร่างกายทำงานต่อไปได้ แต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็จะถูก เก็บไว้ในรูปของไขมัน ความสามารถในการเก็บไขมันนี้ เป็นเรื่องสำคัญกับมนุษย์มาก แต่มันก็ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ถ้าเราได้รับพลังงานมากกว่าที่เราต้องใช้ น้ำหนักของเราก็จะเกินเกณฑ์ไป ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆสูงมาก ตัวอย่างเช่น โรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ปริมาณของพลังงานรวมที่ได้รับนั้น ก็มีความสำคัญนะ ไม่ว่าเราจะได้มันมาจากคาร์โบไฮเดรด โปรตีน หรือกระทั่งไขมันก็ตาม บางทีเราก็ไม่ได้อ้วนเพราะ ไขมันในอาหารหรอก เพราะเราต้องกินไขมันเพื่อ ให้ร่างกายนี้อยู่ในสภาพดี ส่วนหนึ่งเรากินเพราะต้องใช้พลังงาน และส่วนหนึ่งก็กินเพราะว่าไขมันนั้น มีส่วนประกอบของสารที่มี ความสำคัญกับร่างกาย ตัวอย่างเช่น วิตามินต่างๆ ไขมันในธรรมชาติที่เราจะพบได้ ก็คือในพืชและสัตว์ ไขมันที่อยู่ในพืช หรือไขมันพืช มักจะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง และไขมันที่อยู่ในสัตว์ หรือไขมันสัตว์ มักจะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง สัตว์นั้นสร้างไขมันโดยวิธี ที่คล้ายกับมนุษย์เรา สัดส่วนของคาร์โบไฮเดรด ไขมัน และโปรตีนที่เรากินเข้าไป จะถูกเปลี่ยนไปเก็บไว้ในรูปของ ไขมันในร่างกาย แต่พืชกลับต้องอาศัยความ ช่วยเหลือจากดวงอาทิตย์ พืชจะเปลี่ยนน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ ไปเป็นน้ำตาลกลูโคส โดยมีแสงแดดเป็นตัวคอยช่วยเหลือ ที่เราเรียกว่าการสังเคราะห์แสงไงล่ะ จากนั้นพืชจะเชื่อมโมเลกุลเล็กๆของ น้ำตาลกลูโคส จนกลายเป็นคาร์โบไฮเดรดสายยาว ก็คือแป้งและเซลลูโลส และสุดท้าย พืชจะเปลี่ยนให้แป้งและเซลลูโลส ให้กลายเป็นไขมัน เมื่อพืชสร้างไขมันขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วมันจะถูกเก็บไว้ที่เมล็ด เม็ดถั่ว ผลเบอร์รี่ และผลไม้ ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ ก็เหมือนกับมนุษย์นั่นแหละ พืชก็ต้องเก็บ พลังงานหลักเอาไว้ใช้เหมือนกัน ดูอย่างมะกอกผลนี้สิ ตอนนี้มันก็ต้องดูแลตัวเอง ทั้งยังต้องใช้พลังงานสูงมากที่จะ ทำให้รากแข็งแรง ทั้งมีลำต้นที่สมบูรณ์ไปด้วยใบ และพลังงานที่ว่าก็มาจาก ไขมันที่อยู่ในมะกอกนี่แหละ แต่ถ้าเรากินมะกอกเข้าไป ก่อนที่มันจะแตกหน่อล่ะก็ เราก็จะได้รับพลังงานนั้นแทน พลังงานนี้ยังสามารถนำมาใช้ได้ ด้วยการดึงเอาไขมันออกมาจากเมล็ดกับถั่ว เหมือนกับที่เราเอามันออกมาจากมะกอก ดังนั้น เราจึงสามารถเอาน้ำมันที่ได้มาไป ใช้ทอดหรือจะกินแบบสดกับผักสลัดก็ได้ น้ำมันมะกอก 3 เดซิลิตร จะให้พลังงานพอดีกับที่เราต้อง ใช้ในแต่ละวัน ซึ่งจะเท่ากับเส้นพาสต้า 2 กิโล หรือแอปเปิ้ล 4 กิโล เรายังได้ไขมันจากสัตว์ ด้วยการกินเนื้อสัตว์ ดื่มนมวัว นนแพะ หรือนมแกะ ซึ่งนมพวกนี้ก็สามารถเอามาทำเนย ครีม และไอศกรีมได้ด้วยนะ งั้นเหรอ แบบนี้ฉันต้องจัดการ กับเค้กครีมก้อนนั้นซะแล้ว ไม่เอา จัดการก้อนนี้ดีกว่า มันมีครีมถั่วด้วยนะ