
กำเนิดพระเยซู

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
In the story of Jesus's birth, why did Joseph want to leave Mary?
เรากำลังอยู่ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย ที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน นั่นคือมารีย์และชายที่เธอ จะแต่งงานด้วย เขาคือโจเซฟ พวกเขาเดินทางมาจากเมืองนาซาเร็ธ และกำลังหาที่พำนักกัน มารีย์ตั้งครรภ์อยู่ แต่โจเซฟ ไม่ใช่พ่อของเด็กในท้อง ซึ่งแท้จริงแล้วมารีย์เป็นหญิงพรหมจารี แล้วเธอจะตั้งครรภ์ได้ยังไงกันล่ะ? อันที่จริงนั้น ทูตสวรรค์มาพบกับมารีย์ ทูตสวรรค์นามว่ากาเบรียลบอกกับมารีย์ว่า เธอจะให้กำเนิดบุตรของพระเจ้า และเด็กในท้องก็คือพระวิญญาณ ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่จะเข้ามาอยู่ในครรภ์ของเธอ หากเราได้ยินถึงเจตนารมย์ ที่จะมีพระปฏิสนธินิรมล นั่นหมายถึงว่ามารีย์นั้นจะตั้งครรภ์ได้ โดยไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ เมื่อโจเซฟเห็นว่ามารีย์ท้อง เขาก็เริ่มสงสัย เธอจะตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเราทั้งคู่ ยังไม่เคยร่วมหอลงโลงกันเลย เขาคิดจะทิ้งเธอไป แต่คืนหนึ่งขณะที่โจเซฟกำลังนอนหลับ ทูตสวรรค์ได้มาพบเขาในความฝัน ทูตสวรรค์บอกว่ามารีย์พูดความจริง และโจเซฟไม่ควรจากเธอไป โจเซฟยังได้รู้อีกว่าเด็กในครรภ์ ควรมีชื่อว่า เยซู แม้ว่าเด็กจะยังไม่เกิดก็ตาม ทำไมพวกเขาถึงไม่มีที่ค้างแรมล่ะ? เนื่องจากว่าจักรพรรดิโรมันสั่งให้ ประชาชนทุกคนต้องลงทะเบียน ในสำมะโนประชากรเพื่อง่าย ต่อการจัดเก็บภาษี และการลงทะเบียนสำมะโนประชากร จะต้องทำที่บ้านเกิดเท่านั้น ในกรณีของโจเซฟ ที่นี่คือเบธเลเฮม เมื่อโจเซฟกับมารีย์มาถึง เบธเลเฮมในช่วงดึก และโรงแรมทุกๆแห่งในเมือง ก็ไม่มีห้องว่างให้พวกเขาพำนัก แต่ดูที่ตรงนั้นสิ นั่นมันรางหญ้านี่นา บางทีนั่นอาจเป็นที่นอนได้ แล้วก็เป็นรางหญ้านี่เอง ที่เป็นที่ประสูติของพระเยซู จนถึงวันนี้ วันคริสต์มาสก็ถูกฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ การประสูติของพระเยซูในเบธเลเฮม มองไปที่นั่นสิ ดวงดาวกำลังส่องแสง มีคำทำนายที่รู้จักกันดี หรือเรียกว่า คำพยากรณ์ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่าจะมีกษัตริย์ พระองค์หนึ่งมาเกิดในเบธเลเฮม คนเหล่านี้ทำนายอนาคต ด้วยการดูดวงดาว พวกเขาเป็นนักโหราศาสตร์ และมันก็เป็นเรื่องใหญ่ในเวลานี้ เฉพาะคนที่ฝึกฝนมาดีเท่านั้น ที่จะทำแบบนั้นได้ เราสามารถเรียกว่าคนเหล่านั้น ว่าเป็นนักปราชญ์ก็ย่อมได้ พวกนักปราชญ์ดูดาวดวงเป็นสัญลักษณ์ แสดงการมาประสูติขององค์กษัตริย์ ดังนั้นพวกเขาจึงออกเดินทาง เพื่อไปพบกับพระองค์ และเมื่อพวกเขาเห็นพระเยซูในรางหญ้า พวกเขาก็มอบของขวัญ 3 อย่าง ที่นำติดตัวมา ทอง กำยาน และยางไม้หอมอันมีค่า คือ"มดยอบ" พวกเขาบอกกับโยเซฟและมารีย์ว่า พระเยซูเป็นกษัตริย์ที่พวกเขารอคอย และถูกเลือกไว้โดยพระเจ้า คือ"พระเมสสิยาห์" นี่คือเฮโรดมหาราช เขาเป็นกษัตริย์แห่งยูเดีย เขาล่วงรู้ถึงคำพยากรณ์ เกี่ยวกับกษัตริย์พระองค์ใหม่ และเขาก็ไม่มีความสุขเลย 'ข้านี่แหล่ะที่เป็นกษัตริย์' เฮโรดคิด เขารู้สึกถูกคุกคามด้วยข่าวลือ เรื่องพระเมสสิยาห์ เฮโรดเรียกทหารของเขาเข้ามา "พวกเจ้าจงสังหารทารกชายแรกเกิด ในเบธเลเฮม และพื้นที่ใกล้เคียงให้หมดทุกคน หรือแม้แต่เด็กผู้ชายทุกคนที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบก็ต้องถูกฆ่าด้วย" แต่ก่อนที่ทหารจะไปถึงเบธเลเฮม ทูตสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้น ในความฝันของโจเซฟ ทูตสวรรค์บอกกับโจเซฟว่า เฮโรดต้องการฆ่าพระเยซู พวกเขาควรหนีไปอียิปต์ ทหารของเฮโรดไม่อาจไปถึงที่นั่นได้ พวกเขาอยู่ที่อียิปต์เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาได้ข่าวว่า เฮโรดสิ้นชีพไปแล้ว แล้วพวกเขาควรจะทำอย่างไรล่ะ? โจเซฟตัดสินใจกลับบ้านไป ยังเมืองนาซาเร็ธ พระเยซูเติบโตที่นั่น ทั้งยังเรียนรู้การอ่านและเขียน และทำงานเป็นช่างไม้กับโจเซฟ เหตุการณ์ต่อจากนี้ไม่เพียงแค่ จะเปลี่ยนชีวิตของพระเยซูเท่านั้น แต่มันยังเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนาใหม่ อีกด้วย