
ปาฏิหาริย์ของพระเยซู

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
In the New Testament, Jesus speaks in parables. What does this mean?
ชูวววว.. ฉันกำลังพยายามฟังอยู่ ใครกันที่กำลังพูดอยู่บนภูเขานั่น นั่นคือพระเยซู พระองค์กำลังสอนผู้คนถึงวิธีการใช้ชีวิต นี้เรียกว่า "คำเทศนาบนภูเขา" เป็นคำเทศนาที่มีชื่อเสียงที่สุด ของพระเยซู ชูวววว...เบาๆ สิ เข้าไปดูใกล้ๆกันเถอะ พระเยซูกำลังพูดว่าอะไร? พระองค์สอนว่าผู้ที่สมถะ และถ่อมตนนั้น ที่จะได้ไปสู่สวรรค์ พวกเขาจะได้รับพร แล้วพระองค์ก็พูดเรื่องความรัก ถ้ามีใครตบแก้มเรา เราก็ไม่ควรจะตบกลับ แต่ให้หันแก้มอีกข้างให้พวกเขา นอกจากนี้ยังสอนว่า เราควรปฏิบัติตัว กับคนอื่นๆ ในแบบที่เราอยากให้ คนอื่นๆปฏิบัติต่อตัวเรา พระองค์กล่าวว่า อะไรก็ตามที่เราอยากให้คนอื่นๆ ทำกับเรา เราก็ต้องทำแบบนั้นกับพวกเขาด้วย สิ่งนี้เรียกว่า กฎทองคำ เมื่อพระเยซูทรงสอนคน ในเรื่องของพระเจ้า พระองค์จะใช้เรื่องเล่า เพื่อเตือนใจผู้คน ในชีวิตประจำวัน โดยใช้คำพูดเปรียบเทียบ ข้อความของพระองค์จึงเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น การอธิบายถึงความสำคัญของการใช้ ชีวิตแบบสมถะ เพื่อให้ได้ขึ้นสวรรค์ พระองค์กล่าวว่าโอกาสที่ อูฐจะผ่านรูของเข็มนั้นยังง่ายกว่า การที่คนรวยจะเข้ามาสู่ อาณาจักรของพระเจ้า ในช่วงเวลานี้ พระเยซูได้ทำสิ่ง ที่มากกว่าประกาศคำสอน นั่นคือทรงได้แสดงปาฏิหาริย์ด้วย วันหนึ่ง มีผู้คนหลายพันคนมายัง ถิ่นทุรกันดารเพื่อฟังพระเยซูเทศนา เหล่าสาวกบอกแก่ประชาชนว่า ควรไปที่หมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อซื้อหาของกินด้วยตนเอง แต่พระเยซูคิดว่าเหล่าสาวก ก็สามารถเลี้ยงอาหารคนเหล่านั้นได้ พวกสาวกจึงบอกว่า พวกเขามีเพียงขนมปัง 5 ก้อน และปลาแค่ 2 ตัวเท่านั้น พระเยซูรับเอาขนมปัง 5 ก้อน กับปลา 2 ตัวนั้นไป และกล่าวคำอธิษฐาน พร้อมทั้งอำนวยพรแก่อาหารนั้น จากนั้นจึงมอบอาหารเหล่านั้นให้กับ เหล่าสาวกเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนต่อ เมื่อประชาชนมากิน กลับกลายเป็นว่า อาหารมีเพียงพอสำหรับทุกคน ไม่ว่าแต่ละคนจะกินอาหารมากเท่าไหร่ ก็ยังมีอาหารเหลือให้กับคนอื่นๆเสมอ ทุกคนจะกินมันได้จนกว่าจะอิ่ม พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์มากกว่านี้ ทั้งรักษาคนตาบอด เดินบนน้ำ และช่วยผู้คนให้ฟื้นขึ้นจากความตาย วันหนึ่ง พระเยซูไปที่วิหารแห่งหนึ่ง และเห็นว่ามีพ่อค้า กำลังขายสัตว์ เพื่อให้ผู้มีศรัทธานำไปบูชายัญ ให้กับพระเจ้า พ่อค้า ขายสัตว์ในราคาที่สูงมาก พวกเขาต้องการเงิน พระเยซูเริ่มโกรธและขับไล่ พวกพ่อค้าและสัตว์ออกไป พระองค์พูดว่า "เอาสิ่งเหล่านี้ออกไป หยุดทำให้บ้านของพระบิดาของข้า เป็นที่แสวงหาผลกำไรเสียที" พระเยซูได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คนจนและคนจรจัด แต่พระองค์ก็มีศัตรูมากมาย ที่กำลังวิจารณ์เขาอยู่ เหล่าคนรวยเกรงกลัวว่าพระเยซู จะก่อกบฏต่อจักรวรรดิโรมัน แล้วพวกเขาก็จะหาเงินยากขึ้น ผู้มีอำนาจในสังคม ต่างก็ร่วมวิจารณ์พระเยซู เนื่องจากมีคนบาปมากมาย ติดตามพระองค์ พระเยซูตอบข้อกังขานั้น ด้วยการเปรียบเทียบว่า มันไม่ใช่คนที่สุขภาพดีหรอกที่ต้องการหมอ แต่เป็นคนป่วยต่างหาก เมื่อนักการศาสนาในสังคม คือพวกฟาริสี ถามพระเยซูว่าพระบัญญัติข้อใด ในพระคัมภีร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด พระองค์จึงทรงตอบว่า "จงรักพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ และรักด้วยจิตวิญญาณทั้งหมดที่มี และด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง และจงรักเพื่อนบ้าน ให้เหมือนกับที่รักตนเอง" ทว่าผู้ที่ศึกษาตำราศาสนามาอย่างมากมาย หรือ พวกธรรมาจารย์ ไม่ชอบสิ่งที่พระเยซูกล่าว เพราะพระบัญญัตินั้นไม่ได้อยู่ใน พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ศัตรูของพระเยซูเริ่มหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องการกำจัดพระเยซู หรือแม้กระทั่ง ฆ่าให้ตาย พระเยซูจะไว้ใจใครได้ บางทีก็อาจไว้ใจใครไม่ได้ แม้แต่อัครสาวกของพระองค์เอง