
การแพร่กระจายของศาสนาคริสต์: ช่วง 1,000 ปีแรก

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
What is a Synagogue?
หลังจากที่พระเยซูถูกตรึง บนกางเขนแล้ว อัครสาวกก็พากันตระเวนไปรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มและกาลิลี เพื่อกระจายพระวจนะของพระเยซู พวกเขามีภารกิจ หรือ mission เราจึงเรียกพวกเขาว่ามิชชันนารี ในเวลานี้ศาสนาคริสต์ยังไม่ได้แยกออก มาเป็นศาสนาของตนเอง ผู้ที่ติดตามพระเยซูหรือขบวนการของพระเยซู ก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของศาสนายิว ในช่วงแรกๆเหล่าคริสเตียนต่าง ก็ปฏิบัติตามกฎของชาวยิว ทั้งสวดมนต์ในศาสนสถานของชาวยิว 'โบสถ์ยิว' หลายคนที่เชื่อในพระเยซูคิดว่า พวกเขาต้องหันมานับถือศาสนายิว หากต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ ขบวนการของพระเยซู แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าพระเจ้า เป็นพระเจ้าของคนทั้งโลก ไม่ใช่แค่ของชาวยิวเท่านั้น ดังนั้นคนที่ไม่ได้หันไปนับถือยิว ก็มีความเป็นไปได้ ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ ของพระเยซู อัครสาวกมาพบกันในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อหารือเรื่องข้อสงสัยดังกล่าว อัครสาวกเปโตรเชื่อว่าไม่ควร หันไปนับถือศาสนายิว บุคคลที่อยู่ตรงนั้น คืออัครสาวกใหม่ที่มีชื่อว่าเปาโล เขาเห็นด้วยกับเปโตร เปาโลมีแนวคิดมากมาย เกี่ยวกับการเป็นคริสเตียน จากที่เปาโลได้กล่าวไว้ว่า ความอัศจรรย์ของพระเจ้า มีไว้ให้กับมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่แค่ชาวยิวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหันไปนับถือ ยิวแต่อย่างใด แนวคิดของเปโตรและเปาโลจึงมี อิทธิพลอย่างมากในศาสนาคริสต์ ไฟกำลังเผาผลาญกรุงโรม มันเป็นอัคคีภัยคร้ังใหญ่และ ผู้คนต่างก็โกรธแค้น จักรพรรดิต้องการหาใครสักคน มารับผิดชอบ ขบวนการของพระเยซู จึงตกเป็นแพะรับบาป หน่วยราชการเริ่มออกตามล่า และประหารสาวกของพระเยซู คนที่ตายเพราะความเชื่อทางศาสนา จะถูกเรียกว่า 'ผู้พลีชีพ' ในประเพณีของชาวคริสเตียน ว่ากันว่าเปรโตรและเปาโล เป็นผู้พลีชีพในช่วงเวลานั้น ในขณะเดียวกัน ก็มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มด้วย ชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ต้องการให้ชาวโรมัน ปกครองพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาต้องการปกครองตนเอง จึงเกิดสงครามนองเลือดที่กินระยะเวลา อย่างยาวนาน และวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ก็ถูกเผาโดยชาวโรมัน ชาวยิวต้องรอนแรมไปทั่ว ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเยรูซาเล็ม ถูกทำลายโดยชาวโรมัน เนื่องจากประชาชนในอาณาจักรโรมัน ถูกห้าม ไม่ให้เข้าร่วมกับขบวนการของพระเยซู เหล่าสาวกจึงตัดสินใจที่จะพบกันอย่างลับๆ ในช่วงเวลานี้ ศาสนาคริสต์ได้แยกตัว ออกมาเป็นศาสนาของตนเอง หลังจากถูกข่มเหงมาตลอดหลายร้อยปี จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ "คอนสแตนติน" และเขาก็กลายเป็นคริสเตียนด้วย ตอนนี้ศาสนาคริสต์ก็ไม่ใช่ สิ่งต้องห้ามอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากการมีกลุ่มของชาวคริสเตียน กระจายตัวออกไป สู่วัฒนธรรมอื่นๆในช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดแนวคิดที่ต่างกันเกิดขึ้น เกี่ยวกับ ความหมายของศาสนาคริสต์ มีพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างกัน ซึ่งมีเนื้อหาที่แตกต่างกันไปด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้นำหรือบาทหลวง จากคริสตจักรหลายแห่ง มาประชุมกันในเมืองไนซีอา การประชุมครั้งนี้ถูกเรียกว่า'สภาไนซีอา' พวกเขาได้สังคายนาความเชื่อที่ถูกหรือผิด สภาตัดสินว่าจะมีพระเจ้า เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น และพระเยซูก็เป็นบุตรของพระเจ้า แต่พระเยซูก็เป็นเหมือนกับ พระเจ้าที่มีอยู่จริง ซึ่งเป็นพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าสาวกทุกคนจะทำสิ่งที่ สภาไนซีอาบอกหรอกนะ สาวกที่ไม่เห็นด้วยก็ยังมี อีกทั้งพวกคริสเตียนบางคน ก็ถูกข่มเหงโดยพวกเดียวกันเอง 50 ปีต่อมา จักรวรรดิโรมันก็มีจักรพรรดิอีกองค์ โธโดสิอุสที่ 1 ตอนนี้ศาสนาคริสต์ไม่เพียงแค่ ได้รับการยินยอมเท่านั้น มันเป็นศาสนาหลักอย่างเป็นทางการ ในอาณาจักรโรมันทั้งหมด ทันใดนั้น ผู้คนที่ไม่ใช่พวกคริสเตียน จะถูกรังควาน จักรวรรดิโรมันไม่ได้ยิ่งใหญ่ และทรงพลังอย่างที่เคยเป็น แต่ศาสนาคริสต์ยังคงเติบโต มิชชันนารีได้เดินทางไป ยังที่ต่างๆ ในโลก เพื่อโน้มน้าวผู้คนให้มาเป็นคริสเตียน เปลี่ยนศาสนาให้พวกเขา ศาสนาคริสต์ได้แพร่กระจาย ไปทั้วยุโรปตะวันตก พื้นที่แอฟริกาตอนเหนือ และยังขยายไปทางทิศตะวันออก ไปยังอินเดีย รวมถึงแผ่นดินจีนด้วย แต่ในไม่นาน ศาสนาใหม่คืออิสลาม ก็ได้เกิดขึ้น ตอนนี้ชาวมุสลิมกำลังเผยแพร่ คำสอนของพวกเขา และยึดครองหลายเมือง ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นของพวกคริสเตียน ศาสนาคริสต์กำลังถูกคุกคาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปล่ะเนี่ย?