
การขยายตัวของศาสนาคริสต์: ตั้งแต่ปี 1,000 แรกถึงปัจจุบัน

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
Rome was the capital of the Byzantine Empire.
เป็นเวลาหลายร้อยปี ที่ศาสนาคริสต์เติบโตขึ้น แต่ประมาณปีที่ 600 ศาสนาใหม่ก็เกิดขึ้น นั่นคือศาสนาอิสลาม ผู้ที่เชื่อในศาสนาอิสลาม เรียกว่ามุสลิม ซึ่งตอนนี้มีชาวมุสลิมอยู่ในหลายพื้นที่ ที่เคยเป็นของชาวคริสเตียนมาก่อน แต่ศาสนาคริสต์ก็จัดการกับปัญหา ภายในได้ในช่วงเวลานี้ จักรวรรดิโรมันถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือจักรวรรดิโรมันตะวันตก และจักรวรรดิไบแซนไทน์ ซึ่งแต่ละส่วนก็มีเมืองหลวงเป็นของตัวเอง นั่นคือกรุงโรมที่อยู่ทางตะวันตก และ กรุงคอนสแตนติโนเปิลทางตะวันออก เกิดความแตกต่างทั้งทางการเมืองและ วัฒนธรรมระหว่าง 2 เมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในส่วนตะวันตกพวกเขาพูดภาษาละติน และทางตะวันออกพูดภาษากรีก ผู้คนจะไม่อ่านพระคัมภีร์ของกันและกัน ในที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีความคิด ที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของ ศาสนาคริสต์ และในปีที่ 1054 ก็ได้เกิดการแตกแยกขึ้น ตอนนี้ศาสนาคริสต์แบ่งเป็น 2 นิกาย คือ โรมันคาทอลิกทางตะวันตก และออร์โธดอกซ์ที่อยู่ทางตะวันออก 40 ปีหลังจากการแตกแยกนั้น จักรพรรดิแห่งไบแซนไทน์ได้ขอความช่วยเหลือ ไปยังคริสตจักรคาทอลิกเพื่อต่อต้านมุสลิม สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ซึ่งอยู่ ณ กรุงโรม จึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสอันดี ที่จะรวม 2 คริสตจักรเข้าด้วยกัน ภายใต้การปกครองของเขา และอีกประการหนึ่งก็เพื่อขยายขอบเขต ของคริสตจักรคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาบอกสาวกของเขาว่า การทำสงครามการยึดเมือง อย่างเช่น กรุงไนเซียและเยรูซาเล็มคืนมาจาก ชาวมุสลิมนั้นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เขากล่าวกับชาวคริสเตียนทุกคนว่า ควรเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม แล้วทำการปลดปล่อยเมืองศักดิ์สิทธิ์นั้น ชาวคริสเตียนเชื่อว่านี่เป็น สงครามศักดิ์สิทธิ์ หรือ"สงครามครูเสด" ผู้ที่อาสาไปรบ ก็เชื่อกันว่า พวกเขาเองจะได้ไปสวรรค์ นักรบครูเสดหลายคนต่างก็ลักทรัพย์ ปล้นสะดม และฆาตกรรม ชาวยิว มุสลิม และคริสเตียนกันเอง ระหว่างทางที่ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาเองจำนวนมากต่างก็ตาย เพราะความอดอยากและป่วยไข้ สงครามครูเสดเกิดขึ้นหลายครั้ง กรุงเยรูซาเล็มถูกพวกคริสเตียนยึด กลับคืนมาได้ แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นของมุสลิม และกลับไปเป็นของคริสเตียนอีก แล้วก็ถูกมุสลิมยึดได้อีกครั้ง หลังจากนั้นในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 14 ผู้คนได้เรียนรู้เรื่องการต่อเรือ ที่ทำให้เดินทางไปได้ไกลขึ้น และตอนนี้พวกเขาก็มีเข็มทิศแล้ว นักเดินเรือจากโปรตุเกส สเปน และฝรั่งเศส ล่องเรือไปยังแอฟริกาเหนือและจีน เพื่อค้นหาเส้นทางการค้าใหม่ๆ และเพื่อเผยแพร่นิกายโรมันคาทอลิก บางครั้งก็เป็นไปอย่างราบรื่น แต่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ชาวยุโรปได้ค้นพบทวีป ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน พวกเขาเรียกมันว่าอเมริกา นักสำรวจชาวสเปนและโปรตุเกส เข้าพิชิตพื้นที่ขนาดใหญ่ของอเมริกาใต้ และบังคับให้คนที่นั่นหันมา นับถือศาสนาคริสต์ ตอนนี้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนา ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนิกายคาทอลิกก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แต่ในเยอรมัน มีชายผู้หนึ่งคือ"มาร์ติน ลูเทอร์" กลับเชื่อว่าพระสันตะปาปาและพวกบาทหลวง ได้บิดเบือนคำสอนในศาสนาคริสต์ การประท้วงของเขานำไปสู่นิกายใหม่ ของศาสนาคริสต์ คือ"โปรเตสแตนต์" หลายประเทศได้หันมานับถือ นิกายโปรเตสแตนต์ในช่วงเวลานี้ บ้างก็เพราะมีความเห็นตรงกับ มาร์ติน ลูเทอร์ บ้างก็เพราะกษัตริย์อยากจะตัดขาด หรือหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ให้กับสมเด็จพระสันตะปาปา นี่ไม่ควรจะเป็นปัญหาใดๆหรือเปล่า? อืม มันเป็นเช่นนี้ คือเกิดสงครามระหว่างชาวคาทอลิก และโปรเตสแตนต์ขึ้น เป็นเวลานาน และมันก็นานนนนน...มากจริงๆ ว่าแต่รบกันเสร็จหรือยังล่ะ? โอเค งั้นเราไปกันต่อเถอะ ประเทศในยุโรปเริ่มเข้าไป ยึดครองดินแดนต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขายึดดินแดนเหล่านั้น เป็นอาณานิคม และเปลี่ยนให้ชนพื้นเมือง หันมานับถือศาสนาคริสต์ ในขณะที่ศาสนาคริสต์กำลัง แพร่กระจายไปทั่วโลก ก็ยังเกิดการแตกแยกออกอีกเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องนัก ที่จะอธิบายว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนา ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยอมรับว่าพระเยซู เป็นบุตรของพระเจ้า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าประเทศจักรวรรดิส่วนใหญ่ จะคืนเอกราชให้กับอาณานิคมของตน แต่คริสตจักรต่างๆ ยังคงส่ง มิชชันนารีไปทั่วโลก เพื่อทำงานการกุศลและเผยแพร่ พระวจนะของพระเยซูไปสู่ผู้คน ในเวลาเพียง 2000 ปี ศาสนาคริสต์ได้ขยายตัวขึ้นจากคน ไม่กี่พันในตะวันออกกลาง ไปเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก