
การสอนของศาสนายิว

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
True or false? In Judaism, if you break one of God’s laws, you cannot be forgiven.
อิเวทกำลังศึกษาเรื่องของ บัต มิทซ์วาห์ของเธออยู่ มันดึกมากแล้ว และเธอก็ง่วงด้วย คุณเป็นใครน่ะ? อย่ามากวนฉันเลย ฉันกำลังศึกษา เรื่องบัต มิทซ์วาห์ของฉันอยู่นะ - ข้าคืออับราฮัม บรรพบุรุษของชาวยิว - ข้าอาจช่วยเจ้าได้นะ - ฉันไม่เชื่อเรื่องผี - แต่ข้าไม่ใช่ผีสักหน่อย ข้าคือความฝัน โอเค งั้นช่วยอธิบายคำสอน ของศาสนายิวให้ฉันฟังหน่อยสิ อับราฮัมจึงเล่าให้อิเวทฟังว่า ศาสนายิวนั้นเกิดขึ้นมา เมื่อราว 4,000 ปีมาแล้ว ในแถบตะวันออกกลาง ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ต่างนับถือพระเจ้าหลายองค์ พวกเขาเป็นพหุเทวนิยม แต่อับราฮัมก็เข้าไปหยุดความเชื่อนี้ และบอกกับคนอื่นๆ ว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น อับราฮัมอาจเป็นคนแรกที่นับถือ พระเจ้าองค์เดียวในประวัติศาสตร์ เขาทำข้อตกลงหรือพันธสัญญากับพระเจ้า พระเจ้าได้ให้สัญญาว่าถ้าลูกหลาน ของอับราฮัมเชื่อในพระเจ้า พวกเขาก็สามารถอาศัยอยู่ ในดินแดนคานาอันได้ และต่อมาไม่นาน โมเสสก็ปรากฏตัวขึ้น เขาได้ทำพันธสัญญากับพระเจ้าเช่นกัน พระเจ้าได้ให้สัญญากับโมเสสว่า ชาวยิวจะเป็นผู้ที่พระองค์เลือก และโมเสสก็ได้รับกฎมากมายมาจากพระเจ้า และได้จารึกมันไว้บนแผ่นศิลา แต่นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรจำไว้ คือ พวกเราเป็นผู้ที่พระเจ้าได้เลือกแล้ว แต่เราควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรล่ะ เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหาหรอก เราก็แค่ทำตามกฎที่พระเจ้า ให้ไว้กับโมเสส ทั้ง 613 ข้อ ซึ่งสรุปรวมเป็นบัญญัติ 10 ประการ ที่โมเสสได้จารึกไว้ บนแผ่นศิลานั่นแหละ แต่เราทำตามกฏเหล่านี้เพียงเพื่อ ไม่ให้พระเจ้าหยุดเลือกเรางั้นหรือ? ไม่หรอก นี่คือความเชื่อที่ชาวยิวส่วนใหญ่ ตีความไว้ พระเจ้าทรงรักชาวยิวมาก จนพวกเขา กลายเป็นผู้ที่พระองค์เลือก จากนั้นพระองค์ก็มอบกฎต่างๆ ให้พวกเขา ชาวยิวจึงปฏิบัติตามกฎพวกนั้น ด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ถูกเลือก แต่แน่นอนว่าไม่มีมนุษย์คนใด สมบูรณ์แบบ เราทุกคนต่างทำผิดกฎบ้างเป็นครั้งคราว แต่ถ้าเราขออภัยพระเจ้า พระองค์ก็จะยกโทษให้เรา แต่ทุกคนก็ควรทำความดี เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขียนไว้ ในคำภีร์ทานัค โดยทานัคจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือโทราห์ เนวิอิม และ เคตูวิม กฎต่างๆ นั้นจะอยู่ในโทราห์ แต่ถ้าสิ่งที่เขียนไว้ ในทานัคนั้นเข้าใจยาก ยังมีคัมภีร์ที่เขียนเกี่ยวกับ วิธีตีความมันเอาไว้ มันคือทัลมุด ตัวอย่างในทัลมุด เช่น 1 ในอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ของศาสนายิวได้กล่าวว่า "หากเราเกลียดชังสิ่งใด จงอย่าทำสิ่งนั้นกับคนรอบข้างของเรา" นั่นคือโทราห์ทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นคำอธิบาย จงไปเรียนรู้มัน" จงเรียนรู้ที่จะอ่านคัมภีร์โทราห์ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องทำในวันเสาร์ ในพิธีบัต มิทซ์วาห์ของเจ้า ให้ลองคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใหญ่สิ คนอายุ 12 น่ะ ก็ถือว่าโตแล้วนะ และเพื่อเป็นการฉลองสิ่งนี้ เจ้าต้องอ่านโทราห์ ระหว่างพิธีการในโบสถ์ พิธีการของชาวยิวจะมีขึ้นทุกวันเสาร์ เพราะมันเป็นวันศักดิ์สิทธิ์และ วันว่าง ซึ่งเรียกว่า"วันสะบาโต" ชาวยิวเป็นพวกแรกๆ ในประวัติศาสตร์โลก ที่ริเริ่มให้มีวันว่างในสัปดาห์ขึ้น ซึ่งเป็นวันที่ไม่ต้องทำงาน วันว่างในสัปดาห์ทำให้เกิดความมีจังหวะ ในสัปดาห์ และมันเป็นสิ่งเดียวกับวันหยุดนั่นแหละ พวกมันยังทำให้เกิดจังหวะในรอบปีด้วย ในช่วงวันสะบาโตและวันหยุด จะมีเวลาให้เราเชื่อมโยง จิตวิญญาณกับพระเจ้า และได้ดูแลซึ่งกันและกัน เพราะเรื่องนี้ก็มีความสำคัญ ในศาสนายิวเช่นกัน นี่คือสิ่งที่กล่าวไว้ในคัมภีร์โทราห์ "จงรักเพื่อนบ้านให้เหมือนกับ ที่รักตัวเอง" ซึ่งคำสอนนี้ก็ยังคงใช้ได้จนถึงปัจจุบัน ชีวิตปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ แม้ว่าชาวยิวจะเชื่อ เรื่องชีวิตหลังความตาย - เรากำลังรอคอยกษัตริย์ - ผู้ทรงได้รับการเจิม หรือพระเมสสิยาห์ พระเมสสิยาห์จะนำโลกไปสู่ สันติภาพและความสุข และเมื่อพระเมสสิยาห์มาถึงแล้ว ความตายก็จะมาปรากฏขึ้น นี่เจ้าตามทันหรือเปล่าเนี่ย? เอ.. ดีละ เพราะนี่มันเช้าแล้ว ข้าคงต้องไปก่อน