
ชีวิตของพระพุทธเจ้า

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ เสด็จออกจากพระราชวังเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงพบคนสี่คนที่ทำให้การมองชีวิตเปลี่ยนไป คนเหล่านั้นคือใครบ้าง?
ดูเจ้าชายน้อยน่ารักนั้นสิ นั่นคือพระพุทธเจ้า แต่ตอนนี้เขามีชื่อว่า สิทธัตถะ โคตมะ สิทธัตถะอยู่ในวังที่เนปาล พ่อแม่ของเขาเชื่อว่าเด็กน้อยคนนี้ จะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษ เพื่อให้รู้แน่ชัด พวกเขาจึงขอให้โหร คำนวณดวงดาวเพื่อทำนายอนาคต "เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ทรง อำนาจมากเหมือนกับพ่อของเขา หรืออาจกลายเป็นนักบวช และราชวงศ์ของพวกท่านจะสูญเสียอำนาจ ทั้งหมดในอาณาจักรไป" โอ้ คุณพระ... ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ท่าน ให้เขาอยู่ห่างไกลจากความเจ็บป่วย ความชรา ความยากจน และความตาย ทุกอย่างก็จะดีเอง ทั้งสองจึงตัดสินใจปกป้องเจ้าชาย จากสิ่งดังกล่าว สิทธัตถะได้เติบโตขึ้น แต่งงาน และมีลูก โดยที่ยังไม่เคยพบเจอคนธรรมดา ที่อยู่นอกวังเลย แต่วันหนึ่ง สิทธัตถะได้ขี่เกวียนออกไป นอกเขตพระราชวัง นั่นทำให้เขาเห็นกับตาว่า คนธรรมดาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เขาเห็นทั้งคนแก่ คนป่วย และนักบวชที่บิณฑบาต บนท้องถนน นอกจากนี้ เขายังขี่เกวียนผ่านคนตายด้วย "อะไรกัน คนล้มป่วย แถมยังยากจน แล้วก็ตายไป" "ชีวิตช่างมีแต่ความทุกข์ไม่จบไม่สิ้น" สิทธัตถะไม่ต้องการความทุกข์ ทั้งยังไม่ต้องการให้ใครต้องเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้จะต้องถูกแก้ไข เขาทิ้งภรรยาและลูกไว้ แล้วเดินทางจากไป สิทธัตถะศึกษาแนวทางการใช้ชีวิต จากนักปราชญ์มากมาย แต่เขาก็ยังไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่กินอะไรเลย เขาจะอดอาหารเช่นเดียวกันกับโยคี ดูสิ ว่าเขาผอมขนาดไหน เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล มันไม่ได้ทำให้ใครมีความสุขขึ้นเลย สิทธัตถะได้ตระหนัก เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะอดอาหาร และนั่งลงใต้ต้นโพธิ์เพื่อทำสมาธิ เขาตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ จนกว่าจะพบทางออก ไม่มีอะไรมาทำให้เขาหวั่นไหวได้ ปีศาจชั่วร้ายที่เรียกว่ามาร ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อล่อลวงเขา มารเสนอสิ่งดีๆ ให้เขามากมาย แต่สิทธัตถะยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง และในที่สุด หลังจากนั่งสมาธิ เป็นเวลา 49 วัน สิทธัตถะก็ตระหนักรู้ในสิ่งที่ผิด มนุษย์ไม่เคยพอใจในสิ่งที่มี เกิดความอยากมากขึ้นตลอดเวลา และความอยากก็ไม่มีวันสิ้นสุด และนั่นเป็นเหตุให้ความทุกข์ไม่สิ้นสุด ไปด้วย ดังนั้นตอนนี้ สิทธัตถะได้รู้แจ้งแล้ว เขาจึงเป็นผู้ตรัสรู้ และนั่นคือความหมาย ของคำว่าพระพุทธเจ้า ตอนนี้เขาไม่ใช่สิทธัตถะ โคตมะ แต่เป็น"พระพุทธเจ้า" พระพุทธเจ้าต้องการให้ผู้คนเข้าถึงธรรม มากขึ้น เพื่อนบางคนรับฟังและติดตามเขา คนเหล่านั้นกลายมาเป็นพุทธสาวก พระพุทธเจ้าเทศนาสั่งสอนพวกเขา และคนอื่นๆ ขณะนั้นทุกคนในอินเดียเป็นชาวฮินดู ชาวฮินดูเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ หรือการกลับชาติมาเกิด เราจะเกิดมา มีชีวิตอยู่ ตายไป แล้วก็มาเกิด มีชีวิตอยู่ และตายไป อย่างไม่รู้จบ เรียกว่า"สังสารวัฏ" "พอที เราอยากออกไปจากตรงนี่" พระพุทธเจ้าสอนแก่นสำคัญของ การหลุดพ้นจากสังสารวัฏ การเกิดใหม่ทำให้ไม่อาจ หลีกเลี่ยงจากความทุกข์ได้ พระพุทธเจ้าเคยทั้งร่ำรวยและอดอยาก ทั้ง 2 วิธีล้วนเป็นการใช้ชีวิต ที่เกินพอดี และไม่ถือว่าเป็นสิ่งดี การเลือกเดินทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดีกว่า "แต่พระพุทธองค์ ถ้าเราไม่กลับมาเกิดอีก แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนหลังความตายล่ะ?" "เราไม่ได้ไปยังสถานที่แห่งใดหรอก แต่ไปยัง ที่ๆเราไม่มีความอยากใดๆคือนิพพาน" "แล้วทำไมพระองค์ถึงเรียกว่านิพพานล่ะ?" "นิพพานหมายถึงปลิวไป ความอยากทั้งหมดของเราปลิวไปหมดแล้ว แล้วเราจะพบกับความสงบอย่างหนึ่ง" พระพุทธเจ้าเดินทางไปทั่ว เพื่อเทศนาหนทางสู่นิพพาน เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ก็มีสาวกมากมายเพิ่มขึ้น ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเขาต้อง ส่งต่อคำสอนนั้นไปให้คนอื่นแล้ว