
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
จริงหรือเท็จ? มันเป็นเรื่องปกติของนักวิจัยในการให้ความร่วมมือกับนักวิจัยคนอื่นๆ จากต่างประเทศ
ว้าว รู้ไหมว่าภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์ทั้งหมดหรอกนะ? มั่วแล้ว ไม่ใช่เลย มนุษย์นี่แหละตัวดี วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า มนุษย์นี่แหละ ที่ทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนไปน่ะ ใช่ที่ไหนล่ะ นั่นเป็นเพียงทฤษฎีต่างหาก ไม่ผิดหรอกทอมมี่ ดูอย่าง ปรากฏการณ์เรือนกระจก และสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนไป ที่ทำให้เกิดเป็นทฤษฎีสิ แต่มันไม่ใช่แค่ทฤษฎีเก่าๆ หรอกนะ มันเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ และมันหมายถึงสิ่งที่ต่างไป จากการใช้คำว่าทฤษฎี ในชีวิตประจำวัน แบบนี้ไง มีนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ที่วิจัยสิ่งที่แตกต่างกัน ในหลายๆกรณีนักวิจัยในสาขาที่แตกต่างกัน กำลังวิจัยในประเด็นเดียวกันอยู่ เพื่อหาคำตอบเดียวกัน พวกเขาร่วมงานกันอยู่บ่อยครั้ง แต่นักวิจัยส่วนใหญ่ต่างก็อยาก ที่จะเป็นคนแรก ที่ค้นหาและเสนอการค้นพบครั้งใหญ่ ครั้งต่อไปในสาขาของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นการแข่งขันกันเล็กๆ ในหมู่นักวิจัย นี่คือกลุ่มที่ทำการวิจัย เกี่ยวกับสภาพอากาศ พวกเขาตั้งสมมติฐานว่า ปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่มหาสมุทรรับได้ จะได้รับผลจากความร้อนในอากาศ ตอนนี้พวกเขาได้ทดสอบสมมติฐานนั้นแล้ว โดยใช้การทดลองมาช่วย และก็ได้ข้อสรุปว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นนำไปสู่การลดการดูดซับ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เยี่ยมมาก พวกเขาได้สร้าง ความรู้ใหม่ขึ้นมาแล้ว นี่คือจิ๊กซอว์ทางความรู้ชิ้นใหม่ ที่จะอธิบายได้ว่าสภาพอากาศของโลก เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นักวิจัยเขียนบทความ ที่ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับการวิจัยนั้น พวกเขาอธิบายสิ่งที่พวกเขาได้ศึกษาไป ทั้งอธิบายว่าพวกเขาทำการศึกษาอย่างไร ระเบียบวิธีอะไรที่ในการวิจัย และยังได้อธิบายว่าข้อสรุปใด ที่พวกเขาได้มาจากงานของพวกเขา ตอนนี้นักวิจัยคนอื่นๆสามารถอ่าน บทความนั้นได้ และพิจารณาดูได้ว่าข้อสรุปกับงานวิจัย ของพวกเขาสอดคล้องกันหรือไม่ เนื่องจากบทความได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ถึงการทดลองว่ามันเป็นไปอย่างไร รวมถึงระเบียบวิธีการที่ใช้ นักวิจัยคนอื่นๆ สามารถทำการทดลองอีกครั้งได้เอง และดูว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นแบบเดียวกันไหม พวกเขาทำการทดลองซ้ำ หากมีทีมวิจัยหลายทีมทำการทดลองซ้ำ และได้ผลลัพธ์เดียวกัน จึงเป็นไปได้ว่าข้อสรุปมีความถูกต้อง ชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ก็สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ แต่บางครั้งข้อผิดพลาดต่างๆก็อาจเกิดได้ จนส่งผลให้นักวิจัยได้ข้อสรุป ที่ไม่ถูกต้อง บางทีพวกเขาก็หละหลวม เรื่องการวัดค่าต่างๆ หรือบางทีก็เป็นเพราะความอยาก ประสบความสำเร็จ และอยากมีชื่อเสียง ไปจนถึงการปลอมแปลงผลลัพธ์ บางครั้งนักวิจัยก็ได้รับเงินจากใครสักคน ซึ่งกดดันพวกเขาให้ไปถึงข้อสรุปบางอย่าง เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น นักวิจัยก็จะนำมาซึ่ง ชิ้นส่วนของจิ๊กซอร์ที่ผิดเพี้ยนไป และไม่ได้ความรู้จริงๆ มาครอง โดยปกติแล้วชิ้นส่วนที่ผิดเพี้ยน จะไม่แพร่ออกไปนัก มันอาจถูกตรวจพบในไม่ช้า จนไม่มีใครอยากเผยแพร่บทความนั้นไป หรืออาจกลายเป็นว่าการทดลองนั้น ไม่อาจทำซ้ำกับด้วยผลลัพธ์เดียวกันได้ ในกรณีนี้ นักวิจัยจะค้นพบว่า มีข้อสรุปที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันนักวิจัยคนอื่นๆ ก็ยังคงทำงานต่อไป เพื่อทดลองและหาข้อสนับสนุน - หรือข้อหักล้าง - ตามสมมติฐานของพวกเขาเอง นักวิจัยยังคงเพิ่มชิ้นส่วนจิ๊กซอร์ ให้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ชิ้นส่วนต่างๆ จะประกอบ เป็นรูปภาพที่ต่อเนื่องกันทั้งหมด นี่คือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ มากกว่าผลลัพธ์จากการทดลองเดียว มันเป็นคำอธิบายที่สอดคล้องกัน ในขอบเขตของวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ การทดลองที่ต่างกัน ทั้งการสังเกตและการค้นคว้า เช่น ทฤษฎีที่อธิบายเรื่องแรงโน้มถ่วง แผ่นเปลือกโลก วิวัฒนาการ หรือสภาพภูมิอากาศ แต่ก็ต้องระวัง เพราะชิ้นส่วนจิ๊กซอร์ที่ไม่ดี ข้อสรุปที่ผิดพลาด ยังคงหลงเหลืออยู่ และบางครั้งก็ถูกนำมาใช้เป็นข้อพิสูจน์ สำหรับสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเลย จิ๊กซอร์เพียงชิ้นเดียว รายงานทางวิทยาศาสตร์หรือ บทความแค่บทเดียว บางครั้งก็อาจไม่ถูกต้อง แต่จิ๊กซอร์ทั้งหมดที่ต่อแล้วพอดีกัน คือ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อถือได้