
เสรีภาพของสื่อและเสรีภาพด้านการพูดในสวีเดน

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
กฏหมายรัฐธรรมนูญสองฉบับใดที่ช่วยปกป้องเสรีภาพในการพูด(การแสดงความคิดเห็น)และเสรีภาพของสื่อมวลชน?
ประชาธิปไตย เป็นมากกว่าแค่การเลือกตั้งทุก 4 ปี ในระหว่างการเลือกตั้ง ทั้งสถาบันประชาธิปไตย, กฎหมาย, สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ศาล และองค์กรอิสระ ซึ่งประกอบกันสร้างกรอบสังคม ประชาธิปไตยขึ้นมา สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับจากทั้งหมดคือ เสรีภาพในการแสดงออกของสื่อ และเสรีภาพในการพูด มันรวมตัวกันเป็นกฎหมายที่ให้สื่อ มีทั้งอิสรภาพและข้อจำกัดต่างๆ พระราชบัญญัติเสรีภาพในการแสดงออก ของสื่อนั้นเก่ามาก ฉบับแรกนั้นออกมา ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม ปี 1766 ดังนั้นสวีเดนจึงได้ชื่อว่า เป็นประเทศแรกในโลก ที่มีกฏหมายปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชน แต่เสรีภาพในการแสดงออกของสื่อ ปกป้องเฉพาะสิ่งพิมพ์เท่านั้น นั่นคือหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และหนังสือต่างๆ โทรทัศน์ วิทยุ และอินเทอร์เน็ต ไม่ได้ครอบคลุมโดยกฎหมายแต่ประการใด ดังนั้นในปี 1992 สวีเดนจึงได้ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เข้าไปอุดรูรั่วเหล่านี้ คือ พระราชบัญญัติเสรีภาพในการพูด กฎหมาย 2 ฉบับนี้มักเรียกว่า TF และ YGL ซึ่งกล่าวถึงสิ่งเดียวกัน แตกต่างกันตรงที่มีผลกับสื่อที่ต่างกัน มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องรู้ รายละเอียดทั้งหมด แต่เป็นการดีที่เราจะรู้จัก TF และ YGL ไว้บ้าง นี่คือ 5 ข้อที่ควรรู้ ข้อแรก เรามีสิทธิ์ในการตีพิมพ์หนังสือใดๆ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ ตามที่ต้องการ ทั้งยังมีสิทธิ์แสดงออกทางความคิด ความเห็น และความรู้สึกผ่านทางวิทยุ โทรทัศน์ และบนเว็บไซต์ ข้อที่ 2 รัฐบาลไม่อาจบังคับให้มีการ ตรวจสอบแนวคิดก่อนที่เราจะเผยแพร่ออกไป กล่าวคือรัฐบาลไม่อาจเซ็นเซอร์ สิ่งที่เราเผยแพร่ได้ เว้นไว้แต่กรณี ที่รัฐบาลขึ้นข้อความก่อนฉาย ภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ที่มีการกำหนดอายุของผู้ชมไว้ ข้อที่ 3 ที่ควรรู้ ก็คือเราไม่อาจพูดบางอย่างออกไปได้ทั้งหมด แม้ว่ารัฐบาลไม่อาจตรวจสอบ หรือเซ็นเซอร์เราก่อนก็ตาม เราอาจถูกศาลตัดสินโทษได้ หากทำการเผยแพร่ข้อมูล ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ หรือสิ่งที่เป็นความลับ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเป็นหมอ เราก็ไม่อาจเปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยได้ ข้อมูลดังกล่าวถูกจัดให้เป็นความลับ หรือคำพูดที่สร้างความเกลียดชัง ต่อประชากรบางกลุ่มตามเชื้อชาติ ศาสนา หรือรสนิยมทางเพศ หรือถ้าเราข่มขู่และเผยแพร่ สิ่งที่เป็นเท็จ ไปจนถึงการดูแคลนคนอื่น: คือการหมิ่นประมาท ตราบใดที่เราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ เราจะพูดอะไรก็ได้ตามที่ ต้องการลงไปในหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และบนเว็บไซต์ ข้อที่ 4 ที่ควรจะรู้ เกี่ยวกับเสรีภาพการแสดงออกของสื่อ และการพูด ซึ่งเพื่อให้สื่อได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายเหล่านี้ พวกเขาจำเป็นต้องมีผู้ที่มี หน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งต้องเป็นผู้ใหญ่ที่อาศัย อยู่ในสวีเดน ผู้ซึ่งพูดว่า "ฉันจะรับผิดชอบหนังสือพิมพ์ฉบับนี้" หรือบล็อก หรืออะไรก็ตาม หากหนังสือพิมพ์หรือบล็อกนั้น ละเมิดกฎข้อใดข้อหนึ่ง เช่น การเปิดเผยความลับทางทหาร หรือกระจายความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบนั้นอาจถูก จำคุกได้ สิ่งสำคัญลำดับสุดท้ายเรื่องเสรีภาพ ของสื่อและการพูด ก็คือ เรามีสิทธิ์ที่จะพูดคุยกับนักข่าว และมีสิทธิ์ที่จะไม่เปิดเผยตัวตนได้ เช่น สมมติว่าเราเป็นตำรวจ และเราก็รู้ว่าตำรวจคนอื่นๆ ปฏิบัติงานอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะบอกเรื่องนี้ กับสื่อได้ และนักข่าวที่กำลังคุยกับเรา จำเป็นต้องปกป้องตัวตนของเรา สิ่งนี้เรียกว่าการปกป้องแหล่งข่าว หากนักข่าวไม่ได้ปกป้อง แหล่งข้อมูลอย่างถูกต้อง นักข่าวก็อาจถูกพิพากษาให้จำคุกได้ และไม่ใช่แค่นั้น มันยังเป็นสิ่งต้องห้ามในหน่วยงาน ราชการด้วย ในการสืบหาว่าใครเป็นคนแพร่งพรายข้อมูล เช่น ถ้าหัวหน้าตำรวจของเรารู้เข้า ว่าเราคือคนที่ให้ข้อมูลนั้นไป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับพวกเขา ที่จะลงโทษเรา และนี่ก็คือพระราชบัญญัติ เสรีภาพในการแสดงออกของสื่อ และเสรีภาพในการพูดใน 5 ประเด็นสำคัญ