
สิทธิมนุษยชน

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
รายการของสิทธิมนุษยชนที่มีการประกาศใช้ บางครั้งก็จะเรียกกันว่า ...
มีบางสิ่งเกิดขึ้นบนเกาะเล็กๆ นี้อีกครั้ง แก๊งโจรได้ปล้นธนาคาร และตำรวจได้จับกุม 1 ในแก๊งไว้ได้ นี่คือจอห์นนี่ เขามาจากเกาะภูเขาไฟ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน บ๊อบคิดว่าเขารู้วิธีที่จะจับ คนร้ายที่ยังลอยนวลอยู่ เขาแนะนำว่าควรทรมานจอห์นนี่ ไม่มีทาง ที่นี่ไม่เคยมีการทรมานคน ทำไมล่ะ ก็เขามาจากเกาะภูเขาไฟนะ ทุกคนที่นั่นเป็นสัตว์ป่า และป่าเถื่อน ทุกคนเลย เขายังมีสิทธิบางอย่างอยู่ไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงมีสิทธิล่ะ? บนเกาะของเรา เราก็ได้รับสิทธิ จากกฎหมายของเรา เขามาจากเกาะภูเขาไฟ กฎหมายของเราไม่ได้คุ้มครองเขาสักหน่อย ใครว่าล่ะ สิทธิบางประการเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากไหนก็เถอะ การอภิปรายยังคงดำเนินต่อไป ระหว่างอลิซกับบ๊อบ ในรัฐสภา และในหมู่ของประชาชน แล้วสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานใด ที่มีผลกับทุกคนล่ะ? ในไม่ช้า ทุกคนก็เห็นด้วยกับบางสิ่ง มนุษย์ทุกคนเกิดขึ้นมาอย่างเสรี เท่าเทียมกันในศักดิ์ศรี ภายใต้สิทธิเดียวกัน และสิทธินั้นไม่อาจถูกพรากไปได้ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานะ ตามที่กล่าวมา ทุกคนก็ยังคงเห็นด้วย แต่เมื่อพูดเรื่องการทรมาน กลับมีบางคนไม่เห็นด้วย ตอนนี้เมื่อตำรวจจับโจรคนหนึ่งไว้ มันคงไม่ดีใช่ไหมถ้าพวกเขา จะบังคับคนร้าย ให้บอกมาว่าผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นใคร ไม่! หนึ่งในผู้สนทนาพูด "นึกดูซิว่า ถ้าคนที่ถูกทรมาน เป็นผู้บริสุทธิ์" เขาอาจพูดอะไรก็ได้เพื่อให้ การทรมานจบลง สิ่งที่ถูกกล่าวออกมาระหว่างการทรมาน ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง การทรมานไม่ใช่วิธีที่ได้ผลเลย มันอาจกลายเป็นสิ่งต้องห้ามเช่นกัน ใช่ แต่ถ้าจะมีใครสักคน เกิดไปรู้แผนการโจมตีครั้งใหญ่ ของผู้ก่อการร้ายล่ะ คนหลายพันก็ต้องตายน่ะสิ พวกเราจะไม่ทำอะไรก็ตาม เพื่อให้คนๆ นั้นยอมพูดใช่ไหม อลิซแย้งว่า การทรมานทำให้ศักดิ์ศรี ขั้นพื้นฐานของบุคคลหนึ่งหายไป และเราตกลงที่จะปกป้องสิ่งนั้น นอกจากว่าทุกคนบนเกาะอาจตกลงร่วมกันว่า การทรมานเป็นสิ่งจำเป็นในเวลานี้เท่านั้น แต่หากอนุญาตเพียงครั้งหนึ่ง ก็จะทำให้ มีครั้งต่อๆไป ดังนั้นชาวเกาะจึงตัดสินใจ ให้การทรมาน รวมเข้าอยู่ในสิทธิมนุษยชน และพวกเขาก็ยังเห็นด้วยว่า ทุกคนมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย นั่นคือกฎหมายทั้งหมดใช้กับทุกคน อย่างเท่าเทียมกัน และทั้งตำรวจ ศาลต่างก็จะต้อง ปฏิบัติต่อทุกคน บนหลักการเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องง่าย ที่จะยอมรับว่า "ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดง ความคิดเห็นของตน" และทุกคนก็ได้รับอนุญาต ให้พูดในสิ่งที่ต้องการ : บนเกาะนี้มีอิสระในการพูด แต่ก็ไม่มีใครสามารถพูดได้ทุกอย่างใช่ไหม? เราไม่อาจข่มขู่ใครๆ รึจะเผยแพร่เรื่องโกหกเกี่ยวกับใครสักคน หรือส่งเสริมให้ใครก็อาชญากรรมและ กระจายความเกลียดชัง อืม แต่ก็อาจมีข้อยกเว้นบ้างเหมือนกัน ในเรื่องเสรีภาพทางการพูด การอภิปรายยังคงดำเนินไป และในที่สุดพวกเขาก็ตกลงร่วมกัน ถึงบัญญัติสิทธิ ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งใน รัฐธรรมนูญของเกาะ โดยการเอาบัญญัติสิทธินั้น บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐสภาเองก็ไม่อาจ เปลี่ยนแปลงมันได้อย่างง่ายๆ ในขณะเดียวกัน ตำรวจก็ได้จับ แก๊งโจรปล้นธนาคาร และปล่อยตัวจอห์นนี่ซึ่งชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งไป แต่คนขายผลไม้ กลับปฏิเสธที่จะขายแอปเปิล ให้จอห์นนี่ และบอกว่าคนอย่างเขา "เป็นพวกป่าเถื่อนสกปรก สมควรที่จะติดคุก" จอห์นนี่กล่าวหาคนขายผลไม้ว่า เหยียดหยามเขา ทั้งแพร่กระจายความเท็จและความเกลียดชัง ซึ่งบัญญัติสิทธิ ให้สิทธิแก่เขาในการเป็นอิสระจากข้อหา ในทางกลับกัน คนขายผลไม้ ก็อ้างสิทธิตามที่บัญญัติสิทธิได้ว่าไว้ คือจงให้สิทธินั้นแก่บุคคลในการแสดง ความคิดเห็นของตัวเอง สิทธิเหล่านี้อาจเป็นเรื่องยาก ซึ่งบางครั้งมันก็ขัดแย้งกันเอง โชคดีที่เกาะนี้มีศาลที่ดี และทุกอย่างก็เท่าเทียมกัน ตามกฎหมาย