ลัทธิสังคมนิยม

นี่ทำให้ฉันอารมณ์เสียสุดๆ เมื่อผู้บริหารธนาคารอีกคน กำลังบ่นเรื่องการจ่ายภาษีของเขา คนรวยก็รวยขึ้น ในขณะที่ คนจนก็ยากจนลง ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะรวยขึ้นใช่ไหมล่ะ แม้ว่าบางคนจะรวยขึ้นเร็วกว่าคนอื่น รู้ไหมว่าซีอีโอนั้นได้รับ เงินเดือนมากขึ้นกี่เท่า เมื่อเทียบกับคนงานในอุตสาหกรรม ที่ทำงานในบริษัทเดียวกัน อืม เงินเดือนที่ผู้บริหารได้ อาจมากหลายเท่า กว่าคนงาน แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีนะ ผู้บริหารมีความรับผิดชอบหลายอย่าง และมีการศึกษาที่ยาวนาน ซึ่งมันอาจไม่เป็นไร ถ้าเขาได้ เงินมากกว่าคนอื่น 2 เท่า หรือแม้แต่ 10 เท่า หากเทียบกับคนงานอื่น แต่ซีอีโอในแถบยุโรปได้รับ มากกว่าคนงานในอุตสาหกรรม ถึง 50 และ 150 เท่า ในขณะที่คนงานจะต้องทำงาน ตั้งแต่ประกอบรถยนต์ ล้างจาน และขับรถบัส คนงานคือผู้ที่สร้างคุณค่า ให้แก่บริษัท ไม่ใช่ผู้บริหาร ในอเมริกามันแย่กว่านั้น ซีอีโอที่นั่นได้เงินมากกว่า พนักงานถึง 300 เท่า มันยุติธรรมไหมล่ะ ไม่เลย ฉันไม่ควรคิดแบบนั้น 300 เท่าเหรอ ใช่ มันอาจฟังดูเยอะมากนะ แต่ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าของบริษัท เตรียมไว้จ่ายซีอีโอแล้ว มันก็คงคุ้มไม่ใช่หรือ? ตลาดจะเป็นตัวกำหนดเงินเดือน หรือจะมีใครคัดค้านระบบเศรษฐกิจ แบบตลาดล่ะ ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดงั้นเหรอ นี่กำลังพูดถึงระบบที่มีพื้นฐานมาจาก การถือตัวเองว่าสำคัญกว่าคนอื่นใช่ไหม ระบบที่มือใครยาวสาวได้สาวเอาน่ะ โดยไม่นึกถึงคนที่มีทรัพยากร น้อยกว่างั้นเหรอ? ไม่ดีกว่า, ขอบคุณ แล้วทางเลือกคืออะไรล่ะ? ฉันหมายถึงว่าหากไม่มีระบบเศรษฐกิจ แบบตลาด มันก็ไม่มีการแข่งขันน่ะสิ และถ้าไม่มีการแข่งขัน เศรษฐกิจ ก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพเหรอ ถ้าต้องเอาบริษัท ต่างๆ มาอยู่ด้วย แล้วบริษัทพวกนั้นก็ผลิต ของแบบเดียวกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าประสิทธิภาพนะ ไม่สิ เราต้องการระบบเศรษฐกิจ ที่ไม่ได้อยู่บนฐานการเก็งกำไร และความเห็นแก่ได้ ของคนที่มือยาวสาวได้สาวเอา จนพวกเราแทบจะเข้าถึงอาหาร หรือการสาธารณะสุข และการศึกษาไม่ได้เลย ใช่แล้ว มันคงจะดีถ้าทุกอย่างฟรี แล้วใครจะเป็นคนจ่ายทุกอย่างล่ะ ปัญหาของระบบสังคมนิยม ก็คือท้ายที่สุด เราจะทำให้เงินของคนอื่นหมดไป หากทุกคนทำงานและให้เงินช่วยเหลือมาก ที่สุดเท่าที่พวกเขาสามารถจัดการได้ นั้นจะทำให้เกิดความเพียงพอแก่ทุกๆคน ที่จะสามารถได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการ "จากความสามารถของแต่ละคน" จะส่งไปถึงคนอื่นๆ ตามความ ต้องการของพวกเขา ดังนั้น ทุกคนจึงทำงานได้ มากเท่าที่อยากจะทำ และช่วยตัวเองให้มากตามที่ ต้องการแบบนั้นเหรอ? แล้วมันจะเป็นไปได้ในทางปฏิยัติยังไง? มันดีเลยล่ะ ด้วยการตั้งค่าภาษีในระดับที่เหมาะสม ซึ่งถ้ายิ่งคนๆหนึ่งทำเงินได้มากเท่าไหร่ เขาก็จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มมากเท่านั้น และภาษีก็จะถูกนำไปช่วยผู้ที่ต้องการ ความช่วยเหลือ แล้วแบบนี้ผู้ที่ทำงานหนักและ ทำสิ่งที่มีประโยชน์ ก็ควรถูกลงโทษด้วยการพรากทรัพย์สินส่วนตัว ไปจากเขางั้นเหรอ? มันไม่ใช่การลงโทษหรอกกับการมีส่วนร่วม และช่วยเหลือสังคมร่วมกันน่ะ ทุกๆคนจะได้ในสิ่งที่จำเป็น นั่นคือความเป็นหนึ่งเดียวกัน นายทั้งสองคน จะเป็นเหนียวแน่นกับ การเป็นเจ้าของ บริษัทหนึ่งๆสามารถมีเจ้าของ ร่วมกันได้ โดยคนที่ทำงานที่นั่น หรือโดยสังคม หากบริษัทต่างๆมีพวกเราทุกคน เป็นเจ้าของร่วมกัน จะทำให้ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม ที่มีความเหลื่อมล้ำกันสูง แต่สังคมจะประกอบด้วย บุคคล ซึ่งไม่มีเรื่องของชนชั้น บุคคลผู้ซึ่งเป็นนักโทษในชนชั้นของตนเอง ฉันต้องการสังคมที่ไร้ชนชั้น ที่ซึ่งทุกคนสามารถมีชีวิตที่ดีได้ ไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นใครก็ตาม เฮ้ เอามือออกจากมันฝรั่งของฉัน แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันหน่อยสิ!