
เรียงความโต้แย้ง (SVFL)

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
2 สิ่งที่เราจำเป็นต้องใส่ไว้ในการเขียนบทนำสำหรับการเขียนเชิงโต้แย้งคืออะไรบ้าง?
บางครั้งรู้สึกไหมว่ามันมีอะไรบางอย่าง ที่สำคัญเป็นพิเศษสำหรับเรา? และเราก็อยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และโน้มน้าวคนอื่นให้คิด เหมือนเราบ้างใช่ไหมล่ะ? ในกรณีเช่นนี้เรารู้สึกอยากจะโต้แย้ง หรืออยากจะแจกแจงมันอย่างละเอียด ในสิ่งที่ทำให้เราเห็นต่าง เป็นการดีที่เราจะใช้การโต้แย้ง เราสามารถมีส่วนร่วมให้เกิด การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหมือนกับนักการเมืองไงล่ะ การเขียนคำชี้แจงโดยละเอียด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึง ผู้รับฟัง ด้วยความคิดของเรา เนื้อหานั้นจะต้องส่งผลต่อผู้อื่น และทำให้พวกเขาคิดและรู้สึก เหมือนกับเรา ในการโน้มน้าวผู้อื่น ความคิดเห็นที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเราต้องมีคำอธิบายที่ดี ว่าทำไมคนอื่นถึงจะเห็นด้วยกับเรา ในการโต้แย้ง เราต้องทบทวนความคิดเห็น และข้อโต้แย้งต่างๆ อย่างถี่ถ้วน ก่อนที่จะเริ่มเขียน เราต้องตัดสินใจว่าความคิดเห็น ที่ต้องการเน้นคืออะไร ความคิดเห็นนี้ก็เรียกว่าข้อวินิจฉัยด้วย เมื่อตัดสินใจทำข้อวินิจฉัย และรวบรวมข้อโต้แย้งมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องคิดว่ามีใครบ้าง ที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราพูด ไม่มีทาง เพราะว่า.... ในการเขียนความคิดเห็นที่ ตรงกันข้ามกันนั้นเรียกว่า การร่างข้อโต้แย้ง ซึ่งเราควรมีอย่างน้อยหนึ่งข้อ ในการชี้แจงอย่างละเอียดนี้ และเราต้องสามารถตอบข้อโต้แย้ง แต่ละข้อได้ ถ้าเราคิดคำตอบที่ดีในการโต้แย้งได้ มันจะง่ายต่อการโน้มน้าวผู้อื่น แม้แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา อ่าฮ่า! ได้เวลาลงมือเขียนแล้ว จงเริ่มต้นด้วยบทนำที่จะเป็นการ นำเสนอหัวเรื่องของเรา และข้อวินิจฉัยของเราที่มาพร้อมรายละเอียด ถ้าข้อวินิจฉัยของเราพูดเรื่อง ควรมีคนทานอาหารมังสวิรัติมากกว่านี้ บทนำของเราก็อาจต้องเป็น วันนี้มีการผลิตเนื้อสัตว์มากเกินไป ซึ่งมันเพิ่งถูกโยนทิ้ง แล้วก็ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ฉันจึงเชื่อว่า คนเราควรหันมาทานอาหาร มังสวิรัติกันมากขึ้น จากนั้นก็ค่อยนำเสนอข้อโต้แย้ง ที่มีไปตามลำดับ เพื่อให้เรื่องของเราลื่นไหลได้ดี และมีบริบทที่ชัดเจน มันจะดูชาญฉลาดหากเราเริ่มด้วยหัวข้อ ข้อโต้แย้งที่มีน้ำหนักมากที่สุดของเรา ข้อโต้แย้งแรกนั้นอาจเป็น; เนื่องจากการผลิตเนื้อสัตว์ได้สร้าง ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เราจึงควรกินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง จงอธิบายและชี้แจงเหตุผล ด้วยประโยคเพียง 2 หรือ 3 ประโยค จากนั้นจึงพูดข้อโต้แย้งที่ 2 เช่น อาหารมังสวิรัติเป็น อาหารที่ดีกับสุขภาพ ดังนั้นมันจึงควรเป็นทางเลือกที่ชัดเจน สำหรับผู้คน จงสร้างข้อโต้แย้งนี้เข้าไปด้วย ตอนนี้ก็ได้เวลานำขอโต้แย้ง มาเผชิญหน้ากันแล้ว ซึ่งก็อาจเป็น: บางคนเชื่อว่าอาหารมังสวิรัติ นั้นยังขาดสารอาหารบางชนิด และแน่นอนเราต้องตอบข้อโต้แย้ง นี้กลับไป จงอธิบายว่าทำไมข้อโต้แย้งนี้จึงผิด ซึ่งอาจกล่าวได้แบบนี้ มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า อาหารมังสวิรัติ มีสารอาหารจำเป็นทั้งหมด ที่เราต้องการ จากนั้นค่อยพูดข้อโต้แย้งที่ 3 และ ข้อสุดท้ายออกไป ตัวอย่างเช่น อาหารมังสวิรัตินั้นเป็นอาหารที่น่าพอใจ และมันก็รสชาติดีกว่าเนื้อสัตว์ การมีอิทธิพลต่อวิธีคิดของคนอื่นนั้น จะมีประสิทธิภาพได้เมื่อใช้ข้อเท็จจริง ยกตัวอย่างเช่น การโต้แย้ง การผลิตเนื้อสัตว์ได้สร้างความเสียหาย ต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยข้อเท็จจริงหลายประการ มันเรียกว่าข้อโต้แย้งที่เป็นจริง การมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของใครบางคน เราต้องใช้การโต้แย้งที่หลากหลาย เมื่อเราบอกว่าอาหารมังสวิรัติ มีรสชาติที่ดีจริงๆ นั่นเป็นมุมมองส่วนตัว ไม่มีข้อเท็จจริงที่มาสนับสนุนมัน มันเป็นแค่เรื่องของอารมณ์ นั่นคือเหตุผลที่มันถูกเรียกว่า การโต้แย้งเชิงอารมณ์ มันจะเป็นการฉลาดที่ใช้ทั้งการโต้แย้ง ที่เป็นจริงและเชิงอารมณ์ ให้จบข้อความด้วยการสรุปสั้นๆ ในจุดที่เราพูดถึงข้อวินิจฉัยซ้ำอีกครั้ง และมันอาจเป็นหนึ่งในข้อโต้แย้ง นี่คือคำแนะนำสำหรับการสรุปในเรื่องนี้ เนื่องจากการผลิตเนื้อสัตว์ เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และอาหารมังสวิรัติที่ทั้งดี ต่อสุขภาพและมีรสชาติอร่อย มันชัดเจนแล้วกับคนจำนวนมาก ที่เลือกกินอาหารมังสวิรัติ ซึ่งเราเองก็สามารถเริ่มได้ทันที ตรวจดูข้อความของเราและ ควรแน่ใจว่าได้รวมสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว บทนำ ข้อโต้แย้งอย่างน้อย 3 ข้อ ข้อโต้แย้งหักล้างเหตุผลฝ่ายตรงข้าม พร้อมคำตอบอย่างน้อย 1 ข้อ จากนั้นก็สรุป แล้วทุกอย่างที่ว่าไปนี้ อยู่ในงานของเราหรือยัง ถ้าอย่างนั้นก็พร้อมที่จะก้าวออกไป และเปลี่ยนแปลงโลกแล้วสิ โชคดีนะ