
คาร์ล ไมเคิล เบลแมน

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
In what century did Carl Michael Bellman live?
นี่คือเบลล์แมน ชาวฝรั่งเศส และ ชาวเยอรมัน ไม่ใช่ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องของเบลล์แมน ชนิดนั้น นี่คือเรื่องเกี่ยวกับเบลล์แมนตัวจริง "คาร์ล ไมเคิล เบลล์แมน" นักแต่งเพลง เบลล์แมนมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมสวีเดน มีการนำเพลงของเขามาร้องบ่อยๆ เช่น ตอนปัจฉิมนิเทศของนักเรียน Fjäril vingad หรืองานเลี้ยงฉลองสำเร็จการศึกษา Ta dig sen dito en dito två, dito tre - sådör du nöjdare. เบลล์แมนอาศัยอยู่ที่สตอกโฮล์ม ในศตวรรษที่ 18 มันเป็นช่วงเวลาแห่งความยากจน ชาวบ้านดื่มแอลกอฮอล์มากมาย เพื่อลืมความทุกข์ยาก เนื้อเพลงของเบลล์แมนได้เล่าไว้ สิ่งที่ไม่มีอยู่ในสิ่งอื่น กลับบอกไว้ อย่างละเอียดในวรรณกรรม เบลล์แมนเขียนถึงสิ่งรอบตัว ที่เขาได้ไปเยือนมา ทั้งผับและงานเลี้ยง งานปาร์ตี้จำนวนมากถูกจัด ในคลับเฉพาะสมาชิก ที่ได้รับเชิญเท่านั้น นี่คือสังคมออร์เดน ที่นี่ เบลล์แมนแสดงและเล่นเพลงของตัวเอง เขาร้องบทกวีสัมผัสที่มีทำนองเป็น ที่รู้จักและเป็นที่นิยม เขาเล่นกีตาร์แบบเก่าและร้องเพลง ที่เล่าเรื่องคนที่เขารู้จัก แต่เป็นเรื่องที่เกินจริง เขายังร้องเพลงที่แต่งเองและ เกี่ยวกับสังคมออร์เดน คือ "The Bacchi Orden" การจะเข้าร่วมได้สังคม ต้องทำตัว เป็นขี้เมาเกลือกกลิ้งอยู่ตรงถนน อย่างน้อย 2 ครั้ง ให้คนเห็น Bacchi Orden นั้นหมายถึง ประกาศิตจากเทพ Bacchus ซึ่งเป็นเทพแห่งไวน์ของชาวโรมัน เพลงของเบลล์แมน มักเล่าเรื่องเทพเจ้าโบราณ รวมถึงเทพเจ้าของชาวเหนือ และตัวละครจากไบเบิ้ลด้วย เคยได้ยินเพลงนี้บ้างไหม "Gubben Noah"? Gubben Noa, Gubben Noa... โนอาห์เป็นที่รู้จักจากไบเบิ้ล เรื่องการสร้างเรือลำใหญ่ เพื่อหลีกหนีจากน้ำท่วม โนอาห์ยังเป็นคนแรก ในไบเบิ้ลที่ดื่มไวน์ และนั่นคือสิ่งที่เพลงของ เบลล์แมนเขียนถึง นี่คือ "อุลล่า วินบลอด" เธอเป็นโสเภณี แต่เบลล์แมนร้องเพลงสรรเสริญเธอ อย่างกับเทพีวีนัส หรือ เฟรยย่า เทพีแห่งความรักใน ตำนานโรมันและชาวเหนือ เป็นเรื่องปกติในยุคเรื่องปัญญา ที่ตัวละครจากคัมภีร์ไบเบิล หรือเทพนิยายจะถูกเอ่ยถึง แต่สิ่งที่แตกต่างในเพลงของเบลล์แมน คือเขาปล่อยให้พวกขี้เมาและโสเภณี เป็นตัวแทนของพระเจ้า นี่คือตัวละครหลักบางตัว ในเพลงของเบลล์แมน นี่คือตัวอย่างที่พวกเขาถูกพูดถึง Fredmans epistlar och Fredmans sånger. ชื่อจริงของ อุลล่า วินบลอด คือ "มายา สตีน่า แชลล์สเตริม" และเธออาจไม่เคยเป็นโสเภณีเลย แต่ถึงแม้ว่าเบลล์แมน จะเปลี่ยนชื่อของเธอ แต่ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าเธอคือใคร มันอาจกลายเป็นเรื่องที่ น่าอึดอัดใจสำหรับเธอ เมื่อมีคนติดตามเธอและ ร้องเพลงของเบลล์แมนไปด้วย ในชีวิตจริงของจีน เฟรดแมน เป็นช่างทำนาฬิกาในศาล และรับผิดชอบดูแลหอระฆังที่สวยที่สุด ของโบสถ์ในสตอกโฮล์ม แต่เขาดื่มหนักจนกลายเป็นคนยากจน และจบลงด้วยการเป็นคนไร้บ้านบนถนน เฟรดดริก โมวิทซ์ เป็นนักดนตรี เหมือนกับเบลล์แมน เมื่อเขาเสียชีวิต เบลล์แมนก็ใช้เขา เป็นสัญลักษณ์แทนตัวเอง อีกทั้งยังเรียกตัวเองว่า โมวิทซ์ ในจดหมายรักที่เขียน เบลล์แมนกู้เงินมาเพื่อให้ตัวเอง ดำรงชีวิตอยู่ในผับได้ ดังนั้น เขาจึงหมดตัวถูกกักขังในคุก สำหรับคนเป็นหนี้ ซึ่งเรียกว่า Gäldstuga ในปี 1772 กษัตริย์กุสตาฟที่ 3 ได้ก่อรัฐประหารขึ้น และตอนนี้เบลล์แมนก็พ้นจากการตกยาก การก่อรัฐประหารหมายถึง กษัตริย์จะมีอำนาจมากกว่าที่เคย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่านิยมอย่างชัดเจน แต่เบลล์แมนสนับสนุนกษัตริย์ ด้วยการเขียนเพลงเกี่ยวกับเขา และเพื่อตอบแทนเบลล์แมน กษัตริย์จึงแต่งตั้งให้เขาเป็น เลขานุการของกษัตริย์กุสตาฟที่ 3 แต่ในปี 1792 กุสตาฟที่ 3 ถูกสังหาร เบลล์แมนจึงกลับมาถังแตก และเป็นหนี้อีกครั้ง ในยุคเรืองปัญญา หนึ่งในลักษณะทั่วไปที่เหมือนกับ ที่เบลล์แมนทำก็คือ การวิจารณ์สังคมด้วยอารมณ์ประชดประชัน แต่เบลล์แมนนั้นคำล้ำหน้าไป กว่ายุคของเขามาก ในยุคโรแมนติก ซึ่งต่อจากยุคเรืองปัญญา ความรักธรรมชาติกลายเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนในเพลงของเบลล์แมน การเล่าถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนจน ยังไม่ใช่เรื่องปกติจนกระทั่ง ถึงยุคสัจนิยม แต่ทำไมเรื่องตลกของเบลล์แมน ยังถูกเล่าอยู่ล่ะ? เป็นที่รู้กันว่าเบลล์แมนมีไหวพริบ และชอบพูดเรื่องตลก นั่นคือเหตุผลที่ในศตวรรษที่ 19 พวกเขาเริ่มเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับเขา พูดง่ายๆ ก็คือ เขาเป็นคนตลก และเรื่องพวกนั้นก็ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้