ยุคไวกิ้งและตำนานของชาวไอซ์แลนด์

ยุคกลางในประเทศแถบยุโรปเหนือ เริ่มขึ้น ช้ากว่าแห่งอื่นๆในยุโรป เนื่องจากยุคไวกิ้งกินเวลามาจนถึง ศตวรรษที่ 12 จนกระทั่งชาวยุโรปเหนือกลายมา เป็นคริสเตียน จึงพูดได้ว่ายุคกลางเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั้งธอร์และโอดินเคยเป็นเทพเจ้า 2 องค์ที่ผู้คนเคารพ การที่เรารู้เรื่องเทพเจ้าเหล่านี้ เป็นอย่างดี ก็เพราะมีบทรวมคำกลอนที่ชื่อ บทกวีเอ็ดด้า บทกวีที่เล่ากันมาปากต่อปาก มาหลายชั่วอายุคน แล้วจึงถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียน ที่เราไม่รู้จักมากนัก บทกวีเก่าแก่ลักษณะนี้รู้จักกันในชื่อ "kväden" บทกวีเอ็ดด้าเริ่มต้นด้วยเรื่องราว การสร้างโลก และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่าเทพเจ้า และมนุษย์ จนถึงวันสิ้นโลกที่เรียกว่า "Ragnarök" เรื่องนี้ถูกเรียกว่าคำทำนายของเวิลว่า เพราะมันถูกบอกเล่าด้วยถ้อยคำ ของหมอดูสตรี เวิลว่าหรือวาลา ในบทกวีเอ็ดด้ายังมีการรวบรวม กฎการดำเนินชีวิต ที่เรียกว่า "Havamal" วิธีการเล่าเรื่องในบทกวีเอ็ดด้า เขียนด้วยโวหาร 3 เทคนิค เทคนิคแรกจะมีหลายคำในประโยค ที่ขึ้นต้นด้วยเสียงเดียวกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับการสัมผัสอยู่หน่อยๆ ตรงที่การสัมผัสจะจบลงด้วยเสียงเดียวกัน ลองฟังบทกวีเอ็ดด้าเป็นภาษาสวีเดนกันดู Bättre börda bär man ej på vägen än mycket mannavett. หรือ: Brand brinner av brand, tills han brunnen är, låga tändes av låga. เทคนิคนี้เรียกว่า"การสัมผัสอักษร" เทคนิคที่สองคือการใช้อุปมาอุปไมย แทนคำธรรมดา เช่น เรียก'เรือ'ว่า'ม้าเรือใบ' และสมบัติถูกเรียกว่า "เตียงของฟัฟเนียร์" ฟัฟเนียร์? ฟังดูแปลกๆใช่ไหมล่ะ? 'ฟัฟเนียร์' เป็นมังกรที่ดังมาก ปกติมังกรมักจะเฝ้าสมบัติ พอเข้าใจรึยังล่ะ? เราอาจมองได้ว่าคำอุปมาอุปไมยเหล่านี้ เป็นคำตอบของปริศนาอย่างหนึ่ง ลองทายนี้ดู ถนนของปลาวาฬคืออะไร? ถนนของวาฬ ก็ต้องเป็นทะเลแน่นอน วิธีใช้การอุปมาอุปไมยแบบนี้เรียกว่า "Kenning" Kenning เป็นสิ่งฉลาดพิเศษ เพราะมีปริศนาซ้อนปริศนาถึง 2 ชั้น เฟรย่าเป็นเทพีแห่งความรัก ครั้งหนึ่งเมื่อเธอถูกหักอกจากคนรัก เธอร้องไห้ออกมาเป็นทองคำ นั่นเป็นเหตุผลที่"ฝนขนคิ้วของเฟรย่า" จึงแปลว่า: ทอง เราจะมาทำความเข้าใจทีละขั้น จะได้เห็นภาพชัดขึ้น "ฝนขนคิ้วของเฟรย่า" หมายถึงน้ำตาของเฟรย่า และน้ำตาของเฟรย่าเป็น....ทองคำ เทคนิคที่สามที่ใช้ในบทกวีเอ็ดด้า คือการทำซ้ำหนึ่งหรือหลายประโยค ระหว่างท่อนในบทกวี เหมือนกันท่อนร้องซ้ำในบทเพลง ท่อนเหล่านั้นเรียกว่า"kväden" จึงมีท่อนซ้ำอยู่เต็มไปหมด มันเรียกว่า "omkväden" คำว่า "อม"(Om) แปลว่ารอบๆ ตำนานของชาวไอซ์แลนด์เหล่านี้ เกิดขึ้นที่ไอซ์แลนด์ ในศตวรรษที่ 10 ถึงศตวรรษที่ 13 เป็นตำนานระหว่างครอบครัวต่างๆ ที่ใช้ความรุนแรง แต่ละครอบครัวต่างแก้แค้นครอบครัวอื่น ด้วยการต่อสู้และเข่นฆ่ากัน เกียรติยศเป็นสิ่งสำคัญมาก ตำนานของญาล (Njal) เป็นตำนานที่ยาวที่สุด และรู้จักกันดีที่สุด ญาล(Njal) เป็นคนเฉลียวฉลาดผู้พยายาม ช่วยเหลือกุนนาร์(Gunnar) กุนนาร์(Gunnar)เป็นคนดีและแข็งแกร่ง แต่ว่ามักมีปัญหา เพราะมีฮอลเกอร์หญิงงามผู้มีจิตใจชั่วร้าย เป็นภรรยา ลักษณะตำนานของชาวไอซ์แลนด์ มักเป็นเรื่องการใช้ความรุนแรง หรือเรื่องที่น่าตื่นเต้น คนจำนวนมากตายอย่างทารุณ แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กลับ แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างธรรมดา ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเลย สิ่งนี้เรียกว่า "คำกล่าวที่น้อยกว่าความเป็นจริง" กุนนาร์ (Gunnar) อยู่บ้านหรือเปล่า? ไม่รู้ซิ รู้แต่ว่าขวานของเขาเคย อยู่ที่บ้าน...