
ภาษาชนกลุ่มน้อยของชนชาติสวีเดน : ภาษาโรมานิ ชิบ

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
True or false? The ethnic group Romani are originally from India.
โรม่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย พวกเขาเคลื่อนย้ายออกจากอินเดีย ราวๆ 1,000 ปีก่อน และเริ่มเดินทางไปแถบยุโรป การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาหลายร้อยปี และมันเป็นช่วงเวลาที่ภาษาโรมานี - โรมานีชิบ- เกิดขึ้น ระหว่างทางภาษานี้ได้มีการยืมคำ จากภาษาเปอร์เซีย อาร์เมเนียและกรีซ ในที่ๆชาวโรม่าไปอาศัยอยู่พักหนึ่ง ภาษาของพวกเขารับเอาไวยากรณ์ เมื่อพวกโรม่าเดินทางจากกรีซผ่านไปในยุโรป ทำให้เกิดสำเนียงภาษาถิ่นที่ต่างกัน ชาวโรม่าหลายคนที่เดินทางไปโรมาเนีย ได้ถูกจับเป็นทาส ซึ่งเป็นเช่นนั้นหลายชั่วอายุคน ในปี 1512 ชาวโรม่าครอบครัวแรกๆ ได้มาถึงสวีเดน ประมาณ 30 ครอบครัว อาศัยอยู่ในสตอกโฮล์ม ผู้นำของครอบครัวเหล่านี้ เรียกตัวเองว่า เคาท์ อันโตเนียส ครอบครัวของเคาท์ อันโตเนียส ได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างดี แต่ 3 ปีต่อมา ได้มีการตั้งกฎขึ้นใหม่ ชาวโรม่าไม่ได้รับการต้อนรับ จากคนในสตอกโฮล์มอีกต่อไป พวกเขาถูกไล่ล่าให้ออกจากเมือง ในช่วงศตวรรษที่ 17 จึงมีกฎหมาย ที่ใครก็ได้สามารถจับและแขวนคอ ชาวโรม่า แต่ชาวโรม่าหลายคนก็สามารถ เล็ดรอดสายตาไปได้ พวกเขาทำงานด้านการค้า, ช่วยเหลือเกษตรกร และในช่วงศตวรรษที่ 18 ชาวโรม่าหลายคน ทำงานในกองทัพ ชาวโรม่ากลุ่มนี้อยู่ในสวีเดนมา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถูกเรียกว่าเป็นพวกเร่ร่อน สำเนียงของพวกเขา ถูกเรียกว่า สวีดิชโรมานี ในศตวรรษที่ 19 โรมาเนียปลดปล่อยทาส ชาวโรม่าในที่สุด หลายคนจึงมาที่สวีเดนและ นำภาษาถิ่นของตนมาด้วย มันประกอบด้วยคำในภาษาโรมาเนีย จำนวนมาก ชาวโรม่าเหล่านี้ถูกเรียกว่า โรม่าสวีดิชในปัจจุบัน ภาษาถิ่นของพวกเขาก็คือ คาลเดอรัช (Kalderash) ที่ไหนๆก็ไม่อนุญาตให้ชาวโรม่า ตั้งถิ่นฐาน พวกเขาจึงไม่อาจอยู่ในที่เดิมได้ เกินสามวัน ดังนั้นจึงต้องเดินทางตั้งแคมป์ ไปพร้อมด้วยเกวียนและเต็นท์ ในปี 1842 สวีเดนออกกฎหมายใหม่ เด็กทุกคนจะต้องไปโรงเรียน แต่กฏหมายไม่มีผลกับเด็กๆ ของชาวโรม่า เนื่องจากพวกเขาต้องเดินทาง ตลอดเวลา พวกเขาไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน และพวกเขาไม่ได้ลงทะเบียน ในเอกสารราชการ และตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ลงทะเบียน เด็กๆ ของพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าโรงเรียน ระหว่างปี 1914 ถึงปี 1954 การเข้าประเทศสวีเดนถือเป็นสิ่งต้องห้าม สำหรับชาวโรม่า แม้แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ชาวโรม่า จะหนีสงคราม - และการตามล่าของพวกนาซี-เข้าไปในสวีเดน ชาวโรม่าถูกจับไปอยู่ในค่ายกักกันนาซี พวกนาซีมีพื้นที่พิเศษสำหรับพวกเขา ในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ มีชาวโรม่ามากถึง 20,000 คนที่นี่ ในคืนก่อนวันที่ 3 สิงหาคมในปี 1944 ชาวโรม่าในค่ายถูกสังหารทั้งหมด ตั้งแต่ปี 1940 จนถึงยุค 70 ชาวโรม่าจำนวนมากในสวีเดน โดยเฉพาะพวกเร่ร่อน ถูกใช้วิธีการทางการแพทย์ เพื่อทำให้พวกเขาไม่มีลูก บังคับให้ทำหมัน ในช่วงปี 1950 ชาวโรม่ากลุ่มที่ 3 ก็มาถึงสวีเดน พวกเขาคือพวก Finnish Roma มีภาษาถิ่นที่เรียกว่า คาเลีย ช่วงท้ายทศวรรษที่ 1950 เด็กๆ ชาวโรม่าก็ได้รับอนุญาต ให้ไปโรงเรียนในที่สุด และครอบครัวก็อาศัยอยู่ในบ้านได้ ในปี 1960 ชาวโรม่ากลุ่มใหม่ ได้มาถึงสวีเดน จากฮังการีและหลายประเทศ ที่ใช้ภาษาสลาฟ ภาษาถิ่นของพวกเขาเรียกว่าโลวารา ในปี 2010 โรมานีชิบกลายเป็นภาษา ชนกลุ่มน้อยแห่งชาติของสวีเดน ตอนนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ชาวโรม่าได้รับสิทธิ์ในการเรียน ภาษาของตนในโรงเรียนแล้ว ภาษาโรมานีชิบแยกย่อยออกเป็น 50 สำเนียงทั่วโลก แต่ที่จัดเป็น ภาษาชนกลุ่มน้อยแห่งชาติคือ Swedish Romany คาลเดอรัช คาเลีย โลวารา และ อาร์ลี ในสวีเดนโรมานีชิบ มีผู้พูดประมาณ 40,000 คน เนื่องจากชาวโรม่าอยู่ที่นี่มานาน ภาษาของพวกเขาจึงยืมคำ มาจากภาษาสวีเดน วิธีทั่วไปในการสร้างคำภาษาสวีเดน ให้เป็นภาษาโรมานี ก็คือการเพิ่ม O ในท้ายคำ คำว่า bil (บีล) ในภาษาสวีเดน กลายเป็น bilo (บีโล) ภาษาสวีเดนเองก็มีคำยืมมาจากภาษา โรมานีชิบ ตัวอย่างเช่น Tjej, lattjo, jycke. macka. ชาวโรม่าไม่มีอักษรที่ใช้เขียนร่วมกัน แต่หลายๆ องค์กรกลับกำลังพยายาม ทำให้เรื่องนี้ให้เป็นไปได้อยู่