
ส่วนประกอบของประโยค : กริยาวิเศษณานุประโยค

อัปเกรดสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
What kind of adverbials are ?
หนังสือของมาเรียประกอบไปด้วยประโยคต่างๆ ประโยคต่างๆสร้างขึ้นจาก 1 อนุประโยค หรือมากกว่านั้น ในขณะที่อนุประโยคเองก็ประกอบไปด้วย ภาคต่างๆ นี่คืออนุประโยค Just nu ser du en film. ภาคของอนุประโยค 1 ภาค อธิบายถึงคนหรือสิ่งของ ที่อนุประโยคนั้นเกี่ยวข้อง,คือภาคประธาน ส่วนภาคอื่นๆที่อธิบายถึงสิ่งที่ กำลังเกิดขึ้น คือภาคแสดง และมักจะมีกริยาอย่างน้อย 1 ตัวเสมอ อีกภาคหนึ่งคือกรรม คือคนหรือสิ่งของที่ถูกประธานกระทำ แต่นี่เป็น 1 ภาคในอนุประโยคที่ เกี่ยวกับเวลา just nu มันบอกว่าพวกเราดูหนังเมื่อไหร่ นี่คือ"กริยาวิเศษณ์วลี" 'กริยาวิเศษณ์วลี'คือภาคในอนุประโยค ที่ขยายความ เช่น เวลา สถานที่ หรือเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งมันมักจะตอบคำถามที่ถามว่า เมื่อไหร่? ที่ไหน? อย่างไร? ทำไม? มาดู 3 อนุประโยคต่อไปนี้ Maria läser spökhistorier. Alla lyssnar. Men något händer... อนุประโยคพวกนี้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นที่ไหน เกิดเมื่อไหร่ หรือเกิดได้อย่างไร 'กริยาวิเศษณ์วลี'จะให้ข้อมูลเพิ่ม และขยายอนุประโยค แบบนี้ Maria läser spökhistorier i sitt rum. Alla lyssnar noga. eftersom det är spännande.
Men den här kvällen händer något ... เราสามารถหากริยาวิเศษณ์วลีในประโยคได้ ด้วยการถามคำถามที่กล่าวไปแล้ว เช่น เมื่อไหร่? Den här kvällen ที่ไหน? I sitt rum ทำไม? Eftersom det är spännande อย่างไร? Noga 'กริยาวิเศษณ์วลี'เป็นภาคในอนุประโยค มีลักษณะแตกต่างกันไป คำนี้อธิบายว่าพวกเขาฟังอย่างไร มันเป็นคำ"กริยาวิเศษณ์" I sitt rum คือกริยาวิเศษณ์วลีที่เริ่มด้วย คำบอกทิศทาง หรือคำบุพบท เรียกว่า"บุพบทวลี" 'กริยาวิเศษณ์วลี'มากมายเป็น'บุพบทวลี' กริยาวิเศษณ์วลียังสามารถเป็น อนุประโยคได้ด้วย แต่ไม่อาจเป็นประโยคหลักได้ด้วยตัวเอง จึงเรียก"อนุประโยคย่อย" และมันยังสามารถเป็น"วลี"ได้ด้วย เช่น Den här kvällen ซึ่งเป็นคำนาม พร้อมด้วยคำพิเศษที่มาเป็นส่วนหนึ่งของมัน เรียกว่า"นามวลี" สิ่งที่'กริยาวิเศษณ์วลี'ทั้งหมดนี้มี เหมือนๆกัน คือมันจะขยายความอนุประโยคเพิ่มเติม อีกทั้งยังสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น 'กริยาวิเศษณ์วลี'ที่บอกว่า บางสิ่งเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สร้างกลุ่ม "กริยาวิเศษณ์วลีบอกเวลา" กริยาวิเศษณ์วลีที่เราได้เห็นจนถึงขณะนี้ จะขยายความอนุประโยคของมันเพิ่มเติม แต่ก็'มีกริยาวิเศษณ์วลี'ที่ไม่ตอบสนอง ต่อคำถามใดๆที่เราได้กล่าวไปเลย Maria vill skrämmas.
Maria vill troligen skrämmas. ความหมายของคำนี้คืออะไร? Troligen หมายความว่าผู้พูดคิดว่าอนุประโยคนั้น เป็นจริง ทว่าก็ยังไม่รู้แน่ชัด คำนี่บอกบางสิ่งเกี่ยวกับอนุประโยคนี้ ทั้งหมด นี่คือ"ประโยคที่มีกริยาวิเศษณ์" Spöken finns såklart inte. 'ประโยคที่มีกริยาวิเศษณ์'ลักษณะนี้จะบอก ถึงการที่เราไม่แน่ใจในสิ่งที่พูด Lingo vet lyckligtvis inte det. Spökhistorien är tyvärr kort. 'ประโยคที่มีกริยาวิเศษณ์'เหล่านี้เผยให้ เห็นความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังพูด Nästa historia är däremot lång. Därför berättar Maria den också. และประโยคที่มีกริยาวิเศษณ์อื่นๆ ดังนี้ แสดงให้เราเห็นว่าอนุประโยคนี้เชื่อม กับสิ่งที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้อย่างไร คำ'กริยาวิเศษณ์'บางคำในประโยคเปลี่ยน ความหมายของอนุประโยคอย่างสิ้นเชิง ลองเปรียบเทียบอนุประโยคพวกนี้สิ Det finns spöken. Det finns inte spöken.
Jag är rädd. Jag är inte rädd. inte คือการปฏิเสธ เมื่อเพิ่มคำนี้เข้าไปในอนุประโยค ความหมายจะกลายเป็นตรงกันข้ามทันที Än idag kan man höra spöket knacka på hos människor. för att bli insläppt i värmen ... - Hohoo …! - Eh...jag ska...bara...